ทั่วญี่ปุ่น

คู่มือการเตรียมตัวเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองและสถานการณ์ญี่ปุ่นในปัจจุบัน!

เที่ยวญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องยาก ใครๆก็ไปเองได้!
เชื่อว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของใครหลายๆคน ที่อยากจะไปปักหมุดให้ได้ บทความนี้เลยได้รวบรวมสิ่งสำคัญๆที่ควรทราบและควรเตรียมพร้อมก่อนการเดินทางสู่ญี่ปุ่น เพื่อให้ทริปครั้งนี้ของเพื่อนๆเป็นทริปที่พร้อมที่สุด สามารถนำไปเป็นข้อมูลได้จริง ฉบับอัปเดตล่าสุดปี 2024 การเตรียมตัวจะมีอะไรบ้างนั้นอย่ารอช้าตามมาดูกันเลยค่ะ

ก่อนที่จะวางแผนการเดินทาง อยากให้เพื่อนๆได้ทำความรู้จักกับประเทศญี่ปุ่นแบบคร่าวๆ ไว้สักนิดนึงค่ะ เนื่องจากญี่ปุ่นและไทยเองมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งอาหารการกิน วิถีชีวิต การเดินทาง ภาษา ค่าเงิน ฯลฯ

Step 1 รู้จักกับประเทศญี่ปุ่นแบบคร่าวๆ

ญี่ปุ่นเป็นประเทศหมู่เกาะ ประกอบไปด้วยเกาะหลัก 4 เกาะคือ เกาะฮอกไกโด เกาะฮอนชู เกาะชิโกกุและเกาะคิวชู แบ่งออกเป็น 10 ภูมิภาค ฮอกไกโด โทโฮคุ คันโต โฮคุริคุ ชูบุ คันไซ ชูโงะคุ ชิโกะคุและคิวชู ส่วนโอกินาว่าเป็นหมู่เกาะเล็กๆที่อยู่ทางใต้ มีจังหวัดต่างๆทั้งหมด 47 จังหวัด โดยมีโตเกียวเป็นเมืองหลวง แต่ละที่มีบรรยากาศต่างกัน ทั้งภูมิประเทศ สภาพอากาศ วัฒนธรรม อาหารการกิน และวิถีชีวิตความเป็นอยู่

Step 2 กำหนดคร่าวๆ สถานที่ที่อยากจะไป

ญี่ปุ่นมีสถานที่ท่องเที่ยว และกิจกรรมหลากหลายให้เราได้ทำ เมื่อลองมาแบ่งตามกลุ่มจะได้ดังนี้ค่ะ

สถานที่ท่องเที่ยวตามความสนใจ

สัมผัสธรรมชาติ

กิจกรรมที่ไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเดินป่า ปีนเขา ชมน้ำตก ชมดอกไม้นานาพรรณ ขึ้นกระเช้าดูใบไม้เปลียนสี ล่องเรือชมแม่น้ำ แช่อนเซ็น หรือดําน้ำในฤดูร้อน เล่นสกี และกิจกรรมหิมะในฤดูหนาว

เที่ยวสวนสนุกและธีมพาร์ค

ญี่ปุ่นมีสวนสนุกและธีมพาร์คระดับโลกอย่างดิสนีย์แลนด์ ดิสนีย์ซี ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ เลโก้แลนด์ สวนสนุกฟูจิคิวไฮแลนด์และยังมีสวนสนุกที่ยังคงรักษาความแตกต่างในแบบตัวเองไว้ได้อีกมากมาย
กระจายอยู่ทั่วประเทศ มากกว่า 100 แห่ง

เที่ยวงานเทศกาล

งานเทศกาลต่างๆของญี่ปุ่นมักจัดขึ้นโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับธรรมชาติ สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้ตลอดทั้งปีทั่วทุกภูมิภาค

ช้อปปิ้ง

ค้นพบแหล่งช้อปและซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษี ได้ทั่วทุกจังหวัดของญี่ปุ่น

ชิมอาหารท้องถิ่นและผลไม้สดตามฤดูกาล

ลิมลองอาหารขึ้นชื่อตามท้องถิ่น อิ่มอร่อยกับความสดใหม่ของ ซูชิ ซาชิมิ รวมถึงผลไม้ตามฤดูกาลที่ไม่ควรพลาดอย่าง สตรอเบอร์รี องุ่น เมล่อน แอปเปิ้ล เชอรี ลูกท้อ เป็นต้น

ตามรอยอนิเมะและมังงะ

อนิเมะ มังงะในหลายๆเรื่องมีร่องรอยให้เก็บเกี่ยวระหว่างทาง มีสถานที่จริงให้ไปตามหา อย่างเช่น วันพีช โดราเอมอน นักสืบจิ๋วโคนัน กันด้ัม Spirited Away เป็นต้น

สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น

เช่น พิธีชงชา การจัดดอกไม้ สวมกิโมโน ดูกีฬาซูโม่ ชมละครคะบุกิ ละครโน การแสดงจากเกอิชา

Step 3 กำหนดฤดูกาล วันที่อยากจะไป

ในประเทศญี่ปุ่น ฤดูกาลนั้นเปลี่ยนแปลงไปตลอดทั้งปี การกำหนดฤดูกาลที่เราต้องการท่องเที่ยว เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ไม่อยากให้มองข้ามค่ะ เพราะสถานที่่องเที่ยวแต่ละแห่งนั้นต่างฤดูก็มีความงดงามที่แตกต่างกัน

ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน – พฤษภาคม)

เป็นช่วงเวลาแห่งความสดชื่น ดอกไม้จะเริ่มผลิแย้ม ใบไม้สีเขียวขจี ลมเย็นๆสบายๆ ที่พัดพาเอากลิ่นไอธรรมชาติ บวกกับสีสรรแห่งการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง เป็นฤดูที่น่าเที่ยวมากที่สุด โดยเฉพาะ ช่วง เดือนเมษายน อันเป็นเดือนที่ดอกซากุระบานสะพรั่งทุกแห่งหน อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ 10-20 องศา

ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม)

เป็นการเริ่มต้นแห่งฤดูปลูกข้าวของชาวนา อากาศในญี่ปุ่นจะเริ่มอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ฤดูนี้จะเป็นฤดูแห่งความสนุกสนาน เพราะเป็นช่วงที่มีเทศกาลประจำปีต่างๆ มากมายรวมทั้งการเฉลิมฉลองต่างๆ สถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำในช่วงนี้จึงไม่พ้นสถานที่ตากอากาศแถบชายทะเล ซึ่งคนนิยมไปทะเลในเดือนกรกฎาคม และสิงหาคม จึงเป็นฤดูที่มีอากาศดี ท้องฟ้าสีคราม สดใส ถือว่าเป็นฤดูที่น่าท่องเที่ยวเช่นกัน

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน)

ฤดูใบไม้ร่วงนี้เป็นช่วงที่มีอากาศดี เพราะหลังจากฤดูร้อนผ่านพ้นไป ลมเย็นๆ ก็พัดเข้ามาแทนที่ ต้นไม้เริ่มผลัดสีจากเขียวเป็นแดง ส้ม เหลือง แล้วก็พากันร่วงหล่นลงดิน เหลือแต่กิ่งก้านโบกไหวไปตามลมรอวันที่ลมหนาวที่กำลังจะเข้ามา ในฤดูนี้นับว่าเป็นฤดูที่มีสีสันมาก คนจึงนิยมไปสวนสาธารณะเพื่อชมความงามของใบไม้ที่เปลี่ยนสี นับเป็นช่วงฤดูกาลที่สวยงามมาก เหมาะแก่การพักผ่อน

ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)

เป็นช่วงฤดูกาลที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ โดยเฉพาะภาคเหนือ น้ำในแม่น้ำและทะเลสาป บางแห่งจะกลายเป็นน้ำแข็ง ทำให้เด็ก และผู้ใหญ่ ต่างก็พากันออกมาเล่นสเก็ตน้ำแข็งกันเป็นที่สนุกสนาน ส่วนบนภูเขาก็จะมีการเล่นสกีกันในเมืองซัปโปโร ที่เกาะฮอกไกโด จะมีงาน “เทศกาลหิมะ” เฉลิมฉลองกัน อย่างเต็มที่ เป็นงานเทศกาลใหญ่ระดับโลกก็ว่าได้ มีการประกวดการปั้นหิมะ เป็นรูป สถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้างในประเทศต่างๆ อีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นช่วงของเทศกาลสำคัญแห่งปี วันคริสต์มาสและวันปีใหม่นั่นเองค่ะ สถานที่ทุกแห่งจะมีการประดับไปด้วยไฟหลากสีสวยงาม เหมาะสำหรับฤดูกาลท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้การแช่ออนเซ็นในฤดูหนาวก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสุดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ด้วยค่ะ

Step 4 จองตั๋วเครื่องบิน และที่พักที่ญี่ปุ่น


เมื่อเรากำหนดการได้แล้วว่าจะเที่ยวที่ไหน ช่วงเวลาอะไร ทีนี้เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ให้รีบดำเนินการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักค่ะ สำหรับตั๋วเครื่องบินกรณีบินต่างประเทศ แนะนำให้จองล่วงหน้าอย่างน้อย 3-6 เดือนเลยค่ะ เพื่อราคาที่ประหยัดและไม่ต้องมากังวลภายหลังว่าราคาที่นั่งชั้นประหยัดจะถูกจองจนหมดค่ะ โรงแรมที่พักเลือกจองเอาตามที่เราชอบได้เลยค่ะ ยิ่งปัจจุบันนี้ มีหลากหลายแพ๊คเกจออกมา จองตั๊วเครื่องบินพร้อมที่พัก ราคาเบาๆสบายกระเป๋าตังค์เลย นอกจากนี้การจองที่พักให้เรียบร้อยก่อนการเดินทางนั้น ยังเป็นการการันตีว่า ตัวเราเมื่อเดินทางถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว จะมีที่พักแน่นนอน ไม่ต้องไปหาเอาหน้างาน เพราะการหาโรงแรมแบบกระทันหันนั้น มีโอกาสที่โรงแรมที่เราต้องการเข้าพักเต็ม และราคาที่ปรับแพงขึ้นจนน่าตกใจค่ะ อีกทั้งการจองโรงแรมล่วงหน้ายังเป็นการแสดงหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองและช่วยให้เราไม่ต้องหาที่พักในญี่ปุ่นแบบเลือกไม่ได้นั่นเอง

Step 5 ทำพาสปอร์ต ต่อพาสปอร์ต และเที่ยวญี่ปุ่นกี่วันไม่ต้องขอวีซ่า


แม้การเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน จะไม่ต้องขอวีซ่า แต่สิ่งสำคัญคือพาสปอร์ตของคุณต้องมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน เนื่องจากหลายสายการบินไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารที่มีพาสปอร์ตอายุเหลือน้อยกว่า 6 เดือนขึ้นเครื่องบิน ทางที่ดีควรตรวจเช็กอายุของพาสปอร์ตให้เรียบร้อย ทำพาสปอร์ต หรือต่อพาสปอร์ตในกรณีที่พาสปอร์ตมีอายุน้อยกว่า 6 เดือนจะดีกว่าค่ะ

Step 6 เตรียมตัวเรื่องการเดินทางในญี่ปุ่น


ระบบขนส่งสาธารณะของญี่ปุ่นมีความครอบคลุมไปทั่วทุกภูมิภาคสะดวก รวดเร็ว และมีความตรงเวลามาก มีหลายประเภท แบ่งได้ดังนี้

รถไฟ

สำหรับรถไฟของญี่ปุ่นนั้นจะมีอยู่มากมายหลายสาย แต่สายหลักที่ใช้เดินทางส่วนใหญ่จะเป็นของ JR ซึ่งหากใครที่ต้องการบัตร JR Pass เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง ก็สามารถกดคลิ๊กเข้ามาดูที่ปุ่มด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ


ดูรายละเอียดได้ที่นี่

รถไฟชินคังเซ็น (Shinkansen)

รถไฟหัวกระสุนเป็นรถไฟที่เร็วที่สุด ครอบคลุมเมืองหลักทั่วประเทศ เหมาะสําหรับการเดินทางระยะไกลข้ามภูมิภาค

รถไฟด่วนพิเศษ (Limited Express)

เป็นรถไฟความเร็วสูงที่จอดเฉพาะสถานีหลัก เหมาะสําหรับการนั่งข้ามเมืองไปในระยะไกลๆ ผู้โดยสารจะต้องซื้อตั๋ว 2 ใบ คือ ซื้อตั๋วรถไฟปกติ กับตั๋วรถไฟด่วนพิเศษ ซึ่งบางขบวนจะต้องจองที่นั่งล่วงหน้าด้วย

รถไฟด่วน (Express)

เป็นรถไฟความเร็วสูงที่จอดเฉพาะสถานีหลัก โดยมีสถานีที่แวะจอดมากกว่ารถไฟด่วนพิเศษ แต่น้อยกว่ารถไฟเร็ว

รถไฟเร็ว (Rapid Train)

เป็นรถไฟที่จอดเกือบทุกสถานี เป็นสายที่วิ่งออกไปชานเมืองเป็นส่วนใหญ

รถไฟท้องถิ่น (Local Train)

เป็นรถไฟที่วิ่งให้บริการในแต่ละเมือง ซึ่งจะจอดรับ-ส่งทุกสถานี

รถไฟฟ้าใต้ดิน (Subway)

ภายในเมืองใหญ่ๆ จะมีรถไฟฟ้าใต้ดินให้บริการอยู่ภายในสถานีรถไฟ เช่น โตเกียว โอซาก้า ฟุคุโอกะ ซัปโปโร นาโกย่า เป็นต้น

รถราง

บางเมืองในญี่ปุ่น มีเส้นทางรถรางให้บริการอยู่ภายในเมือง เช่น ฮาโกดะเตะ โทยามะ คุมาโมโตะ ฮิโรชิม่า ซึ่งมีสถานีที่จอดรับ-ส่งคล้ายกับรถไฟ

รถบัส

รถบัสทางหลวงที่เชื่อมเมืองต่างๆ เข้าด้วยกัน และมีค่าโดยสารที่ถูกกว่ารถไฟ นอกจากนี้ยังมีรถบัสท้องถิ่น ที่มีเส้นทางเดินรถในตัวเมืองนั้นๆ

รถแท๊กซี่

แท็กซีในญี่ปุ่นรับผู้โดยสารได้สูงสุด 4 คน เรียกได้ทั้งริมถนน จุดจอดแท็กซี หรือเรียกผ่าน แอพพลิเคชัน ให้สังเกตไฟหน้ารถสีแดง คือ พร้อมให้บริการ สีเขียว คือ มีผู้ใช้บริการอยูบนรถนั่นเอง

เรือ

เรือเฟอร์รี สำหรับการข้ามฟากจากท่าเรือไปยังเกาะต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมล่องเรือชมทัศนียภาพในแม่น้ำสายสําคัญของเมืองอีกด้วยค่ะ

การเตรียมตัวเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองต้องมีตัวช่วย มาดูแอปพลิเคชันดี ๆ ที่ช่วยให้การเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองเป็นเรื่องง่ายกันเลย “Japan Travel by Navitime” เป็นแอปคู่มือเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองที่ช่วยวางแผนได้ครบครัน ทั้งรวบรวมข้อมูลการเดินทางทั่วประเทศไว้อย่างละเอียด ค้นหาที่เที่ยว ร้านอาหาร ที่แลกเงิน หรือแม้แต่ช่วยค้นหาตู้เอทีเอ็มได้อย่างง่ายๆ

Step 7 แลกเงิน คำนวณค่าใช้จ่ายไว้ให้พร้อม


“เงินสด” เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ และต้องเตรียมให้พร้อมก่อนการไปเที่ยวต่างประเทศ โดยสามารถหาแลกไว้ตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องบิน หรือหาโอกาสแลกเตรียมไว้แต่เนิ่นๆได้ ตามความสะดวกของแต่ละคน หรืออาจจะสมัครบัตร Travel Card หรือบัตรที่ใช้แทนเงินสดเวลาเที่ยวต่างประเทศ ทำให้เราไม่ต้องพกเงินสดเยอะๆ ไว้กับตัว อีกทั้งยังไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมที่สูงเท่าบัตรเครดิตพกติดตัวไว้ก็ได้ค่ะ

Step 8 การใช้อินเทอร์เน็ตในต่างประเทศ


อินเทอร์เน็ตสิ่งสำคัญเป็นสำหรับการเตรียมตัวเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง เพื่อใช้ค้นหาข้อมูลจำเป็นต่างๆ ซึ่งมีให้เลือกทั้งการใช้ซิมโรมมิ่งสำหรับเที่ยวต่างประเทศโดยเฉพาะ การใช้ Pocket WiFi ที่สามารถใช้พร้อมกันหลายเครื่อง เหมาะสำหรับคนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองที่มีทั้งโทรศัพท์ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ค หรือถ้าเป็นสายลุยขั้นสุดที่ญี่ปุ่นก็มีบริการ Wifi ให้ใช้ฟรีด้วย ซึ่งนอกจากอินเทอร์เน็ตแล้วก็อย่าลืมพก Power Bank ติดตัวไว้ให้พร้อมด้วยนะ

Step 9 ลงทะเบียนออนไลน์ให้พร้อม ก่อนเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น


หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับการกรอกแบบฟอร์มตรวจคนเข้าเมือง (สีเหลือง) และแบบฟอร์มพิธีการศุลกากร (สีฟ้า) ที่ลูกเรือแจกให้กับผู้โดยสารบนเครื่องบิน (ปัจจุบันไม่มีการแจกแบบฟอร์มทั้งสองบนเครื่องบินแล้ว) แต่มาตรการใหม่ที่ประกาศไว้เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 แนะนำให้ผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ Visit Japan เพื่อให้การเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้รับความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น

ไม่ต้องรอคิวนานบริเวณจุดตรวจคนเข้าเมืองในสนามบิน ได้แก่ แบบฟอร์มตรวจคนเข้าเมือง (Immigration Form) และพิธีการศุลกากร (Customs Declaration) หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว คุณจะได้รับ QR Code สำหรับแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่ศุลกากร โดยมีขั้นตอน ดังนี้

เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ Visit Japan และสร้าง Account ใหม่สำหรับ Login (ต้องใช้อีเมล)
ลงทะเบียนข้อมูลของผู้เดินทาง (ต้องใช้พาสปอร์ต)
ลงทะเบียนกำหนดการเดินทางที่ถูกต้อง (ต้องมีชื่อ-ที่อยู่ของโรงแรม หรือที่พัก)
ลงทะเบียนข้อมูลที่จำเป็นในการเข้าประเทศ ได้แก่ กรอกข้อมูลสำหรับการตรวจคนเข้าเมือง (Immigration หรือ Disembarkation Card) และพิธีการศุลกากร (Customs Declaration)
หลังเสร็จสิ้นการลงทะเบียน เพื่อนๆจะได้รับ QR Code 2 ส่วนคือ Immigration (สีเหลือง) และ Customs Declaration (สีฟ้า) จำเป็นต้องใช้ QR Code 2 ส่วนนี้ในการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองค่ะ

Step 10 จัดกระเป๋าเดินทางให้ดี


การเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรก ต้องเริ่มตั้งแต่ก่อนแพ็กกระเป๋า โดยต้องตรวจสอบสภาพอากาศในช่วงเวลาที่เราจะเดินทาง และเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับอากาศในช่วงเวลานั้น เพราะญี่ปุ่นเป็นหมู่เกาะขนาดใหญ่ที่มีสภาพภูมิอากาศแตกต่างกันอย่างมาก โตเกียวอาจจะแค่อากาศเย็น แต่ฮอกไกโดอาจจะมีฝนตกหนัก ดังนั้น เราควรตรวจสอบพยากรณ์อากาศให้ดีก่อนออกเดินทาง

จำเป็นต้องตรวจ Covid-19 ก่อนเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นไหม?

และนับตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2566 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศยกเลิกมาตรการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งกลุ่มประเทศเป็นสีต่าง ๆ ไม่มีการตรวจหาเชื้อ Covid-19 ในทุกสนามบิน (ยกเว้นผู้ที่แสดงอาการ) รวมถึงยกเลิกมาตรการกักตัว ทำให้เราสามารถเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเคยฉีดวัคซีนหรือไม่? ทั้งยังไม่จำกัดยี่ห้อและจำนวนเข็มที่ฉีดวัคซีนอีกด้วย รวมถึงไม่ต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซัน หรือใบรับรองการตรวจโควิดก่อนเดินทาง เนื่องจากญี่ปุ่นได้ลดระดับมาตรการของ Covid-19 อยู่ที่ระดับ 5 เทียบเท่ากับไข้หวัดใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ

ทีนี้เมื่อผ่านด่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ก็ไปเที่ยวลั้ลลาตามโปรแกรมเที่ยวที่เราได้วางไว้ได้อย่างสบายใจแล้วล่ะค่ะ! ขอให้เพื่อนๆ เที่ยวให้สนุกและอย่าลืมมาแชร์ความทรงจำกันในกิจกรรม Memories of Japan ของเรากันนะคะ

Pick up


บทความแนะนำ

  1. เพลิดเพลินไปกับซากุระที่เกียวโต แนะนำสถานที่ชมดอกไม้ เครื่องแต่งกายและโรงแรมที่ใกล้กับสถานที่ชมดอกไม้

  2. แนะนําสถานที่ชมดอกไม้ในภูมิภาคกลางและตะวันตกของญี่ปุ่น

  3. แนะนำ 10 เทศกาลน่าสนใจในญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้ผลิ อากาศเย็นสบาย เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบชิลๆ

บทความล่าสุด

  1. แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดฟุกุโอกะที่ใกล้กับสถานีรถไฟ JR

  2. แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองโกเบที่ใกล้กับสถานีรถไฟ JR

  3. แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดคานากาวะที่ใกล้กับสถานีรถไฟ JR

  4. เพลิดเพลินไปกับการท่องเที่ยวในเมืองคานาซาวะ เพลิดเพลินไปกับความงดงามของเมืองและสัมผัสถึงประวัติศาสตร์

  5. JR Hokuriku Arch Pass แนะนำพร้อมอธิบายรายละเอียดของตั๋ว

  6. แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในนาโกย่า ศูนย์กลางของภูมิภาคชูบุที่ต้องลองมาเยือน

  7. ชมธรรมชาติอันสวยงามกันได้ที่เมืองอาซาฮิคาวะ (Asahikawa) ฟุราโนะ (Furano) และบิเอ (Biei)

  8. JR Central Rail Pass แนะนำพร้อมอธิบายรายละเอียดของตั๋ว

  9. แนะนำเมนูแสนอร่อยของภูมิภาคฮอกไกโด ไปเยือนทั้งที ไม่ควรพลาด

  10. JR Hokkaido Rail Pass แนะนำพร้อมอธิบายรายละเอียดของตั๋ว

TOP