ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยและความดั้งเดิมได้อย่างลงตัว หนึ่งในเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกคือ “ย่านเมืองเก่า” ที่ทำให้เหล่านักท่องเที่ยวได้เห็นภาพและสัมผัสวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น สถาปัตยกรรมโบราณ และวัฒนธรรมอันล้ำค่า ในบทความนี้ จึงจะขอพาทุกคนไปสูดกลิ่นอายแดนปลาดิบกันให้เต็มปอดกับ 7 เมืองน่าเที่ยวในญี่ปุ่น กับบรรยากาศเหมือนได้ย้อนเวลาไปยุคสมัยเอโดะ ที่สายเที่ยวไม่ควรพลาด!
และการเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ เหล่านี้อาจจะต้องใช้บริการรถไฟ JR ในการเดินทาง ดังนั้น เราขอแนะนำบัตร JR Pass ที่จะช่วยให้คุณสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกโดยที่ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาต่อคิวซื้อตั๋วรถไฟ หากสนใจก็สามารถคลิ๊กดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้เลยค่ะ
ดูรายละเอียดบัตร JR Pass ได้ที่นี่
สารบัญ
โอจิจุกุ (Ouchi-juku)
โอจิจุกุ (Ouchi-juku) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดฟุกุชิมะ เสน่ห์อย่างหนึ่งของที่นี่คือ บ้านญี่ปุ่นแบบโบราณที่มุงหลังคาด้วยหญ้าแฝก เรียงรายเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร โดยมีบ้านทั้งหมดประมาณ 50 หลังคาเรือน ในอดีตเมืองนี้จะเชื่อมระหว่างเมืองอาอิซุ วาคามัตสึ (Aizu Wakamatsu) และนิกโก้ (Nikko) ที่ยังคงบรรยากาศของเอโดะไว้เป็นอย่างดี
หมู่บ้านโออุจิจูคุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติเมื่อปี พ.ศ. 2524 โดยได้รับการบูรณะปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ซึ่งบ้านหลายๆ หลังก็ได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นร้านขายของที่ระลึก เรียวกัง และร้านอาหารมากมาย มี “เนงิโซบะ” โซบะเย็นที่ใช้ต้นหอมยักษ์ และ “ชิงโกโระ (Shingoro)” อาหารท้องถิ่นที่ทำจากข้าวเหนียวเสียบไม้อันโด่งดัง นอกจากนี้ ทุกเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัด “เทศกาลหิมะโออุจิจุกุ” ทำให้เพื่อนๆ สามารถเพลิดเพลินกับความสวยงามของวิวทิวทัศน์โดยรอบเมืองได้
Location | Ouchi, Shimogo, Minamiaizu District, Fukushima 969-5207, Japan |
---|---|
การเดินทางจากโตเกียว | นั่งรถไฟจากโตเกียว ไปสถานีปลายทาง Yunokami Onsen โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชม. 40 นาที โดยเริ่มจากสถานี Ueno นั่ง Shinkansen Tohoku ไปลงสถานี Koriyama จากนั้นนั่งรถไฟสาย JR Ban-etsu-Saisen ไปสถานี Aizu-wakamatsu แล้วนั่งรถไฟสาย Aizu ไปสถานีปลายทาง Yunokami Onsen จากนั้นนั่งแท็กซี่ประมาณ 15 นาที หรือเดินประมาณ 25 นาที |
การเดินทางจากโทชิงิ | นั่งรถไฟจากโทชิงิ ไปสถานีปลายทาง Yunokami Onsen ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชม. 30 นาที โดยเริ่มจากสถานี Kinugawa-Onsen แล้วนั่งรถไฟสาย Tobu ไปยังสถานี Aizukogen-Ozeguchi จากนั้นนั่งรถไฟสาย Aizu ไปสถานีปลายทาง Yunokami Onsen แล้วนั่งรถแท็กซี่ประมาณ 15 นาที หรือเดินประมาณ 25 นาที |
การเดินทางจากเซนได | นั่งรถไฟจากเซนได ไปสถานีปลายทาง Yunokami Onsen ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชม. 15 นาทีโดยเริ่มจากการนั่ง Shinkansen Yamabiko ไปสถานี Koriyama จากนั้นนั่งรถไฟสาย JR Ban-etsu-Saisen ไปสถานี Aizu-wakamatsu และนั่งรถไฟสาย Aizu ไปสถานีปลายทาง Yunokami Onsen แล้วนั่งรถแท็กซี่ประมาณ 15 นาที หรือเดินประมาณ 25 นาที |
IMG BY : https://www.nta.co.jp/
ซึมาโกะจุกุ (Tsumago-juku)
ซึมาโกะจุกุ (Tsumago-juku) ตั้งอยู่ในเมืองคิโซะ (Kiso) จังหวัดนากาโนะ เคยเป็นเมืองที่รุ่งเรืองมากอีกเมืองหนึ่งในอดีต ตั้งอยู่บนเส้นทาง Nakasendo ซึ่งอยู่ระหว่างเมืองเกียวโต และเอโดะ หรือโตเกียวในปัจจุบัน โดยสมัยอดีตเมืองนี้ถือเป็นจุดแวะพักที่สำคัญระหว่างการเดินทางไป-กลับระหว่างเมืองหลวงเก่าและเมืองหลวงใหม่ ก่อนจะเริ่มลดความนิยมลงเนื่องจากมีการพัฒนาเส้นทางรถไฟและถนนสายใหม่ที่สะดวกมากกว่า
ทั้งนี้ ซึมาโกะจุกุ ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดอีกเมืองหนึ่งในญี่ปุ่นเลยทีเดียว เพราะชาวบ้านที่อยู่อาศัยได้ร่วมมือกันสร้างบรรยากาศให้เป็นเสมือนในยุคเอโดะ เช่น ห้ามจอดรถบนถนนสายหลัก และมีการซ่อนสายไฟสายโทรศัพท์ไม่ให้บดบังทัศนีย์ภาพ ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมได้สัมผัสถึงบรรยากาศในอดีตอย่างแท้จริง
Location | Azuma, Nagiso, Kiso District, Nagano 399-5302, Japan |
---|---|
การเดินทางจากโตเกียว | นั่งรถไฟ JR Azusa Limited Express มาลงสถานี Matsumoto จากนั้นเปลี่ยนขบวนไปนั่งรถไฟสาย JR Shinano Limited Express ไปลงที่สถานี JR Nagiso แล้วให้ต่อรถบัสอีกประมาณ 17 นาทีถึงที่สึมาโกะ ค่ารถบัส 300 เยน |
การเดินทางจากนาโงย่า | นั่งรถไฟสาย JR Shinano Limited Express ไปลงที่สถานี JR Nakasugawa หรือ Nagiso จากนั้นให้ต่อรถบัสไปสึมาโกะ |
IMG BY : https://www.go-nagano.net/
มาโกเมะจุกุ (Magome-juku)
หากพูดถึงหมู่บ้านโบราณที่ค่อนข้างเป็นที่นิยม หนึ่งในนั้นก็คงมีชื่อ มาโกเมะจุกุ (Magome-juku) รวมอยู่ด้วย มาโกเมะจุกุ ตั้งอยู่ในเมืองนากาทูกาว่า (Nakatugawa City) ในจังหวัดกิฟุ (Gifu) ย้อนไปในอดีตสมัยยุคเอโดะ การเดินทางระหว่างเอโดะกับเกียวโต นั้นค่อนข้างยากลำบากและใช้เวลาค่อนข้างนานซึ่งใช้เวลาประมาณ 10-15 วันโดยเส้นทางที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือเส้นทาง Nakasendo ซึ่งมีระยะทางถึง 543 กิโลเมตร ผ่านหลายจังหวัดเช่น กิฟุ ชิงะ นางาโนะ เป็นต้น โดยเฉพาะช่วงที่เดินผ่านหุบเขา Kiso ถือว่าเป็นช่วงที่สวยที่สุดของเส้นทาง
ปัจจุบันนั้น มาโกเมะจุกุ (Magome Juku) ได้ถูกบูรณะใหม่ ทำให้มีทิวทัศน์ที่สวยงามแต่ก็ยังคงรักษาความเป็นเมืองเก่าสมัยเอโดะ จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดกิฟุ สองฟากฝั่งของเส้นทางปูด้วยพื้นหินนี้ เต็มไปด้วยร้านรวงและสถาปัตยกรรมเก่าแก่เรียงรายอยู่ จึงรู้สึกราวกับกำลังเดินทางอยู่ในสมัยก่อนจริงๆ
Location | Magome, Nakatsugawa, Gifu 508-0502, Japan |
---|---|
การเดินทางจากโตเกียว | นั่งชินคันเซ็นจาก Tokyo Station ไปลงที่ Nagoya Station แล้วเปลี่ยนสาย Chuo Main Line (JR) ไปลงที่ Nakatsugawa Station และต่อรถบัสไปลงที่ Magome-juku | การเดินทางจากโอซาก้า | นั่งชินคันเซ็นจาก Shin-Osaka Station ไปลงที่ Nagoya Station แล้วเปลี่ยนสาย Chuo Main Line (JR) ไปลงที่ Nakatsugawa Station และต่อรถบัสไปลงที่ Magome-juku |
IMG BY : https://www.nta.co.jp/
นาราอิจุกุ (Narai-juku)
นาราอิจุกุ (Narai-juku) เป็นเมืองเก่าในจังหวัดนากาโนะ (์Nagano) แห่งนี้ ในอดีตนั้นเคยเป็นเมืองทางผ่านใน เส้นทางนากะเซนโด (Nakasendo Route) ระหว่างเมืองเกียวโต และเมืองเอโดะ ในสมัยนั้นในช่วงปี คศ.1603-1868
ที่นี่เป็นจุดแวะพักของนักเดินทางลำดับที่ 34 จากทั้งหมด 69 จุดพักแรมในเส้นทางนากะเซนโด จึงทำให้นักเดินทาง ชาวบ้าน ขุนนาง ทุกคนที่เดินทางมักจะผ่านมาที่เมืองแห่งนี้ ทำให้นาราอิจุกุ เป็นเมืองที่คึกคัก และเต็มไปด้วยพ่อค้านั่นเอง
ปัจจุบันบ้านเรือนโบราณในนาราอิจุกุ ที่สร้างเรียงรายมากกว่า 1 กิโลเมตรนี้ยังคงอยู่ด้วยการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเพื่อคงความดั้งเดิมให้ได้มากที่สุด ถนนสายหลักของเมืองจะมีบ้านเรือนโบราณเรียงรายกันอยู่ทั้ง 2 ข้างทาง ซึ่งกลายเป็นร้านอาหาร ร้านขายของต่างๆ รวมไปถึงที่พัก เรียวกัง ที่เปิดให้ทุกคนสัมผัสกลิ่นอายเมืองเก่าได้อีกครั้ง เราจะได้เห็นบรรยากาศชนบทในญี่ปุ่น ที่เต็มไปด้วยความเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย อีกทัั้งสินค้าพื้นเมือง สินค้าแฮนด์เมดต่างๆ จากร้านค้าในละแวกนั้นๆ
Location | Narai, Shiojiri, Nagano 399-6303, Japan |
---|---|
การเดินทางจากนาโงย่า | นั่งรถไฟสาย Chuo มุ่งหน้านากาโนะ และเปลี่ยนสายไปสาย Chuo มุ่งหน้ามัตสึโมโตะและลงรถที่นาราอิจุกุ อีกทางเลือกนึง คือ นั่งรถไฟสาย Chuo มุ่งหน้านาคัตสึกาวะ และที่สถานีนาคัตสึกาวะเปลี่ยนรถไฟไปมัตสึโมโตะ จากนั้นลงรถที่นาราอิจุกุ |
IMG BY : https://www.nta.co.jp/
อุนโนะจุกุ (Unno-juku)
อุนโนะจุกุ สร้างขึ้นในปีค.ศ.1625 มีที่พักแรมขนาดเล็ก 12 แห่ง บนเส้นทางเก่า Hokkoku เป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังทะเลญี่ปุ่นจากเส้นทาง Nakasendo ที่เชื่อมเมืองเอโดะสู่ เกียวโต ทองจากเหมืองบนเกาะ Sado ถูกลำเลียงไปยังวัด Zenkoji เมือง Nagano โดยผ่านเส้นทางนี้ เมื่อเดินเข้าไปใน อุนโนะจุกุ เพื่อนๆจะได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์ทรงคุณค่า มีการจัดเทศกาลขึ้นทุกปีเพื่อรักษาประเพณีเก่าแก่ของพื้นที่ศักดินาแห่งนี้ รวมไปถึงงานเทศกาลแห่เสาไม้โบราณที่จัดขึ้นในเดือนเมษายนและเทศกาล Unno-juku Fureai Festival ที่จัดขึ้นในวันที่ 23 พฤศจิกายนซึ่งมีรถลากและผู้คนแต่งกายในชุดย้อนยุคให้ได้สนุกสนานเพลิดเพลินกันค่ะ
Location | Moto-unno Tomi 389-0518, Japan |
---|---|
การเดินทางโดยรถไฟ | นั่งรถไฟ Shinano Tetsudo ลงที่สถานี Tanaka จากนั้นนั่งแท็กซี่ 5 นาที หรือนั่งรถไฟ Shinano Testudo ลงที่สถานี Oya จากนั้นนั่งแท็กซี่ 5 นาที |
IMG BY : https://www.nta.co.jp/
คุมากาวะจุกุ (Kumagawa-juku)
คุมากาวะจุกุ เคยเป็นเมืองเก่าที่สำคัญซึ่งเชื่อมต่อระหว่างเขตวาคาสะ(Wakasa) กับ เกียวโต(Kyoto) และได้รับการพัฒนาเป็นเมืองเก่าตั้งแต่ปี 1589 ยังคงมีร่องรอยสำนักงานผู้พิพากษา, ป้อมยามและที่เก็บสมบัติ อยู่ท่ามกลางหมู่บ้านเก่า ทั้งสองข้างทางถนนมีน้ำใสไหลผ่าน เอกสารทางประวัติศาสตร์และสมุดบันทึกด้านธุรกิจตั้งแต่สมัย Toyotomi (โทโยโทมิ) จนถึงช่วงปลายรัฐบาลศักดินาได้เก็บรักษาไว้ในเมืองเก่านี้ คุมากาวะจุกุ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ
คุมากาวะจุกุ ในยุครุ่งเรืองที่สุดนั้น เคยมีที่พักกว่า 200 หลังคาเรือน แต่ต่อมาทางหลวงสายนี้ก็ได้ถูกเลิกใช้ไป แม้จะเลิกใช้งานไปแล้วแต่ตัวอาคารก็ยังอยู๋ในสภาพเดิมมาตั้งแต่สมัยเอโดะจนมาถึงสมัยโชวะ และในตอนนี้ได้รับเลือกให้เป็นเขตอนุรักษ์อาคารทางวัฒนธรรม และที่สำคัญ ในปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่จะให้เพื่อนๆ ได้ไปเดินชิลๆ ชมบ้านเรือนสไตล์ญี่ปุ่นในอดีตภายใต้ชื่อ “Miketsukuni Wakasa” และ “Saba-kaido”
Location | Kumagawa, Wakasa, Mikatakaminaka, Fukui, 919-1532, Japan |
---|---|
การเดินทางโดยรถไฟ | นั่งรถบัสจากสถานี Kaminaka Station ไปอีก 12 นาที |
IMG BY : https://www.nta.co.jp/
ดูรายละเอียดบัตร JR Pass ได้ที่นี่
หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำเมื่อมาเที่ยวญี่ปุ่น เพราะสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ต้องรอช่วงเทศกาล แต่ละที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ทำให้ความสวยงามแตกต่างกันไปตามฤดูกาลอีกด้วย สำหรับใครที่เที่ยวตัวเมืองกันจนเบื่อแล้ว การเที่ยวตามเมืองชนบทก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ชวนให้หลงไหลนะคะ อยากให้เพื่อนๆ ได้มีโอกาสเดินทางไปยังเมืองเหล่านี้ดูบ้างแล้วจะพบโลกอีกด้านหนึ่งของความเป็นญี่ปุ่นค่ะ