คาบูกิ (Kabuki) คืออะไร
คาบูกิ (Kabuki) เป็นการแสดงของญี่ปุ่นที่มีอายุยาวนานมากมากกว่า 400 ปี และยังคงเป็นที่รู้จักในปัจจุบันนี้ การแสดงของคาบูกิมีความเป็นเอกลักษณ์มาก ก็เลยทำให้เป็นที่รู้จักและยังคงมีความนิยมอยู่ในปัจจุบัน ทำให้คนจำได้ แม้จะเป็นการแสดงที่มีอายุเก่าแก่มานาน แต่ก็มีความร่วมสมัย สามารถดึงเอาความทันสมัยในยุคนี้ออกมาปรับใช้ ผสมผสานกับการแสดงที่มีมาแต่เนิ่นนานได้อย่างลงตัว ใครที่มีโอกาสได้เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น ก็คงต้องสัมผัสกับการแสดงคาบูกิที่มี การแสดง เต้น และเล่นดนตรี และเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ เป็นเรื่องราวเร้าใจ เรื่องเกี่ยวกับบ้านเมือง ประวัติศาสตร์ ความรัก หรือเรื่องราวที่ถูกดัดแปลงมาจากสรรณกรรม เป็นองค์ประกอบของการแสดง เป็นจุดเด่นที่ทำให้คนชื่นชอบคาบูกิกันมานาน และสำหรับใครที่ยังไม่เคยรู้จักคาบูกิมาก่อน ก็ลองทำความรู้จักให้มากขึ้น
จุดเริ่มต้นของคาบูกิ
ก่อนจะมาเป็นคาบูกิในปัจจุบัน มีจุดเริ่มต้นมาก่อน ซึ่งคาบูกิมีต้นกำเนิดมาจากผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชื่อว่า “โอคุนิ” โอคุนินั้นเป็นเกอิชาที่มีพรสวรรค์ในเรื่องของการร่ายรำและการแสดง เธอแสดงการร่ายรำด้วยท่าที่แปลกตาสำหรับคนสมันนั้นมาก คล้ายกับการร่ายรำของซามูไรแบบผู้ชาย นอกจากการร่ายรำแล้ว ยังมีการร้อง การเล่นดนตรีควบคู่ไปด้วย ทำให้เป็นที่น่าสนใจสำหรับคนในยุคนั้น การแสดงแบบที่แปลกตานี้ คนในสมัยนั้นเรียกการแสดงของโอคุนิว่า คาบุอิตะเอ็นชุสึ ภายหลังก็มีการตัดคำและมีการเพี้ยนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นที่มาของคำว่า “คาบูกิ” จนถึงปัจจุบันนี้
ประวัติของคาบูกิ
ต้นกำเนิดของคาบูกิที่มาจากหญิงสาวที่ชื่อว่า โอคุนิ นั้น ซึ่งช่วงเวลานั้นที่มีกาถือกำเนิดขึ้น เป็นช่วงต้นเอโดะ ที่ผู้คนต่างให้ความสนใจกับการแสดงของเธอที่เธอแต่งกายเป็นผู้ชายและมีการแต่งตัวในแบบที่ฉูดฉาด สีสันสดใสแปลกตา ซึ่งการแสดงของเธอในครั้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 17 ซึ่งหลังจากนั้นมีการก่อตั้งคณะละครในแบบที่เธอแสดงขึ้นมาเป็นละครคาบูกิ มีนักแสดงหญิงทั้งหมด แต่ก็มีข่าวว่านักแสดงในคณะละครมีการพัวพันในเรื่องของการขายบริการ ผิดศีลธรรม จนมีการสั่งให้เลิกแสดงคาบูกิมาแล้ว จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง ซึ่งก็อนุญาตให้เฉพาะนักแสดงชายเป็นผู้แสดงเท่านั้น ซึ่งการที่ละครคาบูกิกลับมา นักแสดงชายเองก็ต้องเล่นเป็นได้ทั้งตัวละครหญิงและชาย จวบจน 400 กว่าปีก็ยังเป็นที่รู้จักในปัจจุบัน
ทำไมถึงมีการเริ่มสร้างคาบูกิ
เริ่มต้นการแสดงคาบูกิ แม้จะเป็นเพียงการแสดงธรรมดาของผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น แต่ด้วยการแสดงที่มีความแปลกใหม่ เป็นจุดสนใจของผู้คน เลยทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้น มีแพร่หลายมากขึ้นตามสถานที่ต่างๆ จึงมีการริเริ่มสร้างคาบูกิ เป็นศิลปะการแสดงขึ้นมา เพื่อให้ผู้คนได้เข้าชมการแสดงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การแสดงคาบูกินั้นจะต้องใช้คนที่มีความสามารถเป็นอย่างมาก ตั้งแต่การร้อง เต้น ร่ายรำ และการเล่นดนตรี ต้องอาศัยความชำนาญ ครบถ้วน การแสดงจึงจะออกมาสมบูรณ์มากที่สุด มีการสร้างเรื่องราวออกมาแสดงหลายต่อหลายเรื่อง วรรณกรรมชื่อดังต่างๆบางเรื่องก็ถูกสร้างมาในเวอร์ชันของคาบูกิให้ผู้คนได้รับชม
ใครเป็นผู้ริเริ่มในการสร้างคาบูกิ
ผู้ที่ริเริ่มสร้างแนวทางของคาบูกิก็คือ อิจิคาวะ ดันจูโร เป็นผู้วางรากฐานของคาบูกิในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ซึ่งแนวทางการแสดงที่เขาวางไว้ก็คือ การแสดงที่ดูเกินจริง ดูเวอร์วังอลังการไว้ก่อน ทั้งการพูด และการใช้ท่าทางของนักแสดง มีการดัดแปลงอย่างต่อเนื่อง เช่นการดัดแปลงมาจากการแสดงของหุ่นกระบอก ผสมไปกับการแสดงคาบูกิ หรือที่เห็นได้ชัดเป็นเอกลักษณ์มากที่สุดของคาบูกิก็คือการแต่งหน้า เห็นแล้วรู้ได้ทันทีว่าคือนักแสดงคาบูกิ และรูปแบบของการแสดงมีการดัดแปลงให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ตามยุคสมัยต่อไปเรื่อยๆ
ทำไมคาบูกิจะต้องใช้นักแสดงชาย
การแสดงร่ายรำแบบคาบูกิตั้งแต่สมัยเอโดะ ได้รับความนิยมขึ้นมาเรื่อยๆ แพร่หลายอย่างมาก จนมีการพัฒนาเป็นศิลปะการแสดงละครที่ทำให้ผุ้คนเข้าถึงได้มากขึ้น มีความนิยมกันมากขึ้น และถึงแม้ว่าคาบูกิจะมีต้นกำเนิดมาจากหญิงสาวที่เป็นเกอิชา เริ่มต้นมีการแสดงโดยนักแสดงหญิง แต่ภายหลังนั้นมีปัญหาเรื่องศีลธรรมต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะมีความเชื่อว่ามีการค้าประเวณีที่ผิดศีลธรรมในกลุ่มนักแสดง หลังจากนั้นการแสดงคาบูกิจึงไม่มีผู้หญิงขึ้นแสดงอีกต่อไป จนปัจจุบันนี้ก็มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่สามารถขึ้นแสดงคาบูกิได้
ทำไมนักแสดงหญิงถึงถูกห้ามไม่ให้เล่นคาบูกิ
มาจากการเกิดปัญหาสังคม ปัญหาความขัดแย้งเรื่องศีลธรรมเกิดขึ้นในสังคม เนื่องจากกลุ่มนักแสดงเป็นผู้หญิงทั้งหมดในสมัยก่อน เลยเชื่อว่ามีการค้าประเวณีเกิดขึ้น หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงให้นักแสดงชายเท่านั้นที่สามารถแสดงคาบูกิได้ นักแสดงหญิงจึงถูกห้ามแสดง ไม่มีโอกาสได้เล่นคาบูกิอีกต่อไป กลายเป็นวัฒนธรรมสืบทอดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เสน่ห์ของคาบูกิ
ละครคาบูกิมีความดุดัน ตรงไปตรงมา แสดงแบบเวอร์ และอลังการไว้ก่อน เป็นละครที่ดูกี่ครั้งก็ยังสนุก เรื่องอะไรก็สนุก การแสดงของนักแสดงตรงไปตรงมาอย่างชัดเจนในเรื่องของบท การสื่อความหมายของเรื่องราวนั้นๆ โดยเฉพาะบทพูดที่รุนแรงและมีการเสียดสีเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน อย่างเช่น การเมือง โศกนาฏกรรมต่างๆ มันมีความฉูดฉาดอยู่ในเนื้อเรื่องอยู่มาก จึงกลายเป็นจุดเด่นของคาบูกิ
คาบูกิเป็นละครที่เลือกเรื่องราวในการแสดงมาถูกใจผู้ชมเป็นอย่างมาก โดยจะเน้นเรื่องที่น่าติดตาม เช่นการเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ การเสียดสีทางการเมือง ตำนานของบุคคลสำคัญต่างๆที่เกิดขึ้นจริงมาแล้ว จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงยุคสมัย มีการอัพเดทมากขึ้น ละครคาบูกิจึงนำเหตุการณ์บ้านเมืองต่างๆมาแสดงด้วยเช่นเดียวกัน
นอกจากบทพูดที่มีความตรงไปตรงมาแล้ว การร่ายรำ และการเล่นดนตรีสด ก็มีความทรงพลังไม่แพ้กัน แม้ง่าผู้แสดงจะเป็นชาย แต่การร่ายรำกลับพลิ้วไหวไปกับเพลงได้ มีความหนักแน่นและทรงพลังเมื่อต้องถ่ายทอดเรื่องราวออกมา
การแสดงสีหน้า และการแต่งหน้า ที่เป็นเอกลักษณ์ เริ่มจากการแต่งหน้าก่อน นักแสดงทั้งหมดจะมีการแต่งหน้าด้วยสีสันที่ฉูดฉาดและอลังการ แบ่งตามโทนสีในการแต่งหน้าได้ง่ายๆก็คือ สีฟ้า จะเป็นตัวละครฝ่ายร้าย สีแดง จะเป็นตัวละครฝ่ายดี สีน้ำตาล เป็นตัวละคนที่ไม่ใช่มนุษย์ ทำให้คนดูแบ่งแยกออกและดูได้รู้เรื่องมากยิ่งขึ้น นอกจากแต่งหน้าชัดเจนแล้ว ยังมีการใส่วิกผม ใส่หมวก เสริมเครื่องแต่งกายอื่นๆจนครบ สวยงามและมีความหรูหรา และมีการแสดงสีหน้าอย่างชัดเจนตามคาแรคเตอร์ และบทบาทของตัวละครนั้นๆ และแน่นอนว่าด้วยลักษณะของคาบูกิ เป็นการแสดงสีหน้าและท่าทางที่เกินจริงแน่นอน
ในปัจจุบันนี้เราสามารถเข้าชมละครคาบูกิได้ ที่โรงละครในโตเกียว สามารถไปวันไหนก็ได้ มีการแสดงตลอด มีทุกวัน ให้ชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวมีโอกาสได้เข้าไปชมกันทุกวัน ภายในโรงละครคาบูกิ จะมีจุดเด่นก็คือ มีฉากที่ถูกตกแต่งออกมาอย่างสวยงามอลังการ ฉากต่างๆของละครที่ทั้งสวยงามและทันสมัย ด้วยการแสดงคาบูกิจำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนฉากไปมาบ้างระหว่างการแสดง ซึ่งก็จะมีการเปลี่ยนฉากได้อย่างรวดเร็ว แนบเนียน สมจริง เพราะถูกพัฒนาอยู่เสมอ จึงสร้างความตื่นเต้นและความประทับใจให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างมาก สำหรับนักท่องเที่ยว หรือผู้ที่กำลังศึกษาวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ขอบอกเลยว่า ละครคาบูกิ เป็นละครโบราณที่สะท้อนให้เห็นความเป็นอยู่ สังคม และวัฒนธรรมต่างๆของญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี เราจะเข้าถึงวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นมากขึ้น รู้จักความเป็นญี่ปุ่นมากขึ้นเพียงแค่ดูละครคาบูกิเท่านั้น เมื่อก่อนอาจจะหาดูได้ยาก เพราะแสดงแต่ในเมืองใหญ่ๆเท่านั้น แต่ในปัจจุบันนี้ สามารถหาดูได้ง่ายมากขึ้นตามโรงละครต่างๆ และเป็นที่น่าภาคภูมิใจมากที่สุดก็คือ ละครคาบูกิ ได้ถูกบันทึกไว้ในมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ในปี 2008 และล่าสุดในปี 2015 นี้ ละครคาบูกิก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรม โดยองค์การ UNESCO เรียบร้อยแล้ว