ชิโกะกุ

พาเที่ยวเกาะโชโดชิมะ (Shodoshima Island) สัมผัสธรรมชาติแบบชิลๆ


เกาะโชโดชิมะ (Shodoshima Island) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Shodoshima OLIVE PARK เป็นเกาะในทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตจังหวัดคางาวะ (Kagawa) ภูมิภาคชิโกะคุ (Shikoku) เนื่องจากเกาะแห่งนี้มีสภาพอากาศที่อบอุ่น จึงกลายเป็นแหล่งปลูกต้นมะกอกที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น จนเป็นที่รู้จักกันในนามว่า “เกาะโอลีฟ” และยังเป็นแหล่งผลิตโชยุชั้นดีอีกด้วย และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเล็กๆ กระจัดกระจายอยู่รอบๆ เกาะ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบที่มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ อยู่มากมาย ท่ามกลางบรรยากาศอันงดงามของท้องทะเลสีครามที่รายล้อม และกังหันลมอันโดดเด่น

ตามไปย้อนรอย เส้นทางสายมะกอกกว่า 2,000 ต้นกันค่ะ


ย้อนไปเมื่อปี 1862 โดไก ฮายาชิ (Dokai Hayashi) หมอหลวงประจำของโชกุนโทคุกาวะ ริเริ่มความคิดให้ปลูกมะกอกเพื่อใช้ในการรักษาโรค ซึ่งในปี 1908 ได้มีการทดลองปลูกในจังหวัดต่างๆ รวมถึงเกาะโชโดชิมะซึ่งในสมัยนั้นชาวเกาะประกอบอาชีพจับปลาและทำโชยุเป็นหลัก นอกจากนี้ยังได้ทดลองปลูกที่จังหวัดมิเอะ จังหวัดคาโกชิมะ มีเพียงเกาะโชโดชิมะเท่านั้นที่ต้นมะกอกเติบโตอย่างดี และยังคงยืนหยัดอย่างสง่างามจนมาถึงปัจจุบัน


เมื่อเข้าสมัยเฮเซกระแสเพื่อสุขภาพก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง วงการมะกอกในญี่ปุ่นจึงกลับมาได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นอีกครั้ง เพราะคุณภาพที่ยอดเยี่ยม เชื่อถือได้ ทำให้ความต้องการก็สูงตามมา มะกอกของเกาะโชโดชิมะที่การันตีได้ถึงความสดใหม่ปลอดภัย ปริมาณและคุณภาพการเพาะปลูกมะกอกรวมถึงน้ำมันมะกอกของที่นี่ถือว่าดีที่สุดในญี่ปุ่น มะกอกทั่วโลกมีมากกว่า 500 พันธุ์ ที่ปลูกบนเกาะโชโดชิมะมีอยู่ 4 ชนิด คือ Mission olive, Manzanilla olive, lucca Olive และ Olive Nevadillo Blanco ค่ะ

“สวนมะกอกโชโดชิมะ (Shodoshima Olive Park)”


เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮอตฮิตบนเกาะแห่งนี้ ที่มีต้นมะกอกอยู่มากถึง 2,000 ต้น และดอกไม้อีกกว่า 120 ชนิด มีบ้านกังหันสไตล์กรีกตั้งอยู่บนเนินเขาที่มองเห็นทะเลในเซโต ภายในสวนแห่งนี้เพื่อนๆ สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับมะกอกโอลีฟได้ตามจุดต่างๆ เช่น Olive Memorial Hall ที่สามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของมะกอกโอลีฟ หรือที่ Flower and Fragrance Garden


อีกทั้งเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “แม่มดน้อยกิกิ (Kiki’s Delivery Service)” ฉบับคนแสดงจริง ซึ่งต้นฉบับคืออนิเมชันยอดนิยมจากสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) จึงมีผู้คนมาตามรอยถ่ายรูปเล่นกันอย่างสนุกสนานตามจุดต่าง ๆ ภายในสวน โดยมีบริการให้ยืมไม้กวาดสำหรับใช้โพสท่าด้วย ซึ่งมุมถ่ายรูปที่ไม่ควรพลาดคือ บริเวณกังหันลมสีขาวคู่กับวิวสวย ๆ ของทะเลเซโตะ รวมถึงยังมีเมนูเด็ดที่แปรรูปมาจากมะกอกให้ได้ชิมในหลากหลายรูปแบบ เช่น ซอฟต์ครีมรสมะกอก และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากผลมะกอกให้ซื้อกลับไปเป็นของฝากด้วย

กิจกรรมตามหา “ใบโอลีฟรูปหัวใจ”


หลายคนอาจจะชอบมองหาใบโคลเวอร์ 4 แฉก แต่หากมาที่สวนสาธารณะแห่งนี้ ทุกคนจะมองหา “ใบโอลีฟรูปหัวใจ” ที่มีลักษณะเหมือนใบโอลีฟ 2 ใบซ้อนทับกันออกมาเป็นรูปหัวใจ อาจจะใช้เวลาหาสักหน่อย แต่เมื่อเจอคุณสามารถนำใบโอลีฟไปเคลือบเงาและทำเป็นที่คั่นหนังสือได้ (ราคา 120 เยน)
ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของใบโอลีฟรูปหัวใจนั่นก็คือ ใครที่พบเข้าแล้วละก็ จะมีแต่ความสุขตลอดไป ใครโสดอยู่ก็จะได้พบคู่ในไม่ช้าด้วยละค่ะ (อันนี้เป็นความเชื่อที่เค้าเล่าต่อๆ กันมานะ)

คาเฟ่ (Corico) เยี่ยมชมโลเคชั่นถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องแม่มดน้อยกิกิ


คาเฟ่ (Corico) ซึ่งมีสินค้าน่ารักๆ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ใช้ทำภาพยนตร์เรื่องแม่มดน้อยกิกิ โดยถูกเซ็ตให้เป็นร้านขนมปังที่แม่มดน้อยกิกิทำงานอยู่นั่นเอง ภายในตกแต่งไว้อย่างน่ารักด้วยดอกไม้ต่างๆ ตามฤดูกาลและต้นมะกอกโอลีฟ

ชมวิวพระอาทิตย์ตก ที่หาดจิจิบุกาฮามะ (Chichibugahama Beach)


หาดคางาวะมีชื่อเสียง เนื่องจากเป็นจุดที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้ และยังมีความคล้ายกับ Salar de Uyuni ในประเทศโบลิเวีย น้ำทะเลสะท้อนให้เห็นท้องฟ้า ก้อนเมฆ และพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน ราวกับเป็นกระจกเงา นอกจากนี้ที่นี่ยังได้รับเลือกให้เป็น 100 จุดชมพระอาทิตย์ตกดินของญี่ปุ่นอีกด้วย

แองเจิล โรด (Angel Road)


Angel Road แปลเป็นไทยคือ ทางเดินของเหล่านางฟ้า บนเกาะโชโดชิมะ ทางตอนเหนือของจังหวัดคางาวะ เมื่อน้ำลงจะเผยให้เห็นทางเดินโผล่ขึ้นมาเชื่อมทั้ง 3 เกาะเอาไว้ด้วยกัน ทำให้ได้เห็นสิ่งที่อยู่ใต้ผืนน้ำ โขดหินที่มีสาหร่ายทะเลเกาะติดอยู่ก็ดูงดงามในแบบที่ธรรมชาติสร้างขึ้น


ในแต่ละเกาะจะมีแผ่นไม้และเปลือกหอยหลายชิ้นถูกเขียนข้อความจารึกและแขวนไว้ เพื่อขอให้ความรักของทั้งคู่ยั่งยืนนาน อีกทั้งยังมีความเชื่อว่า หากได้เดินจูงมือเดินข้ามเกาะทั้ง 3 เกาะ ไปด้วยกันกับคนรัก จะทำให้ความรักของทั้งคู่เป็นนิรันดร์


สำหรับใครที่อยากชมวิวโดยรอบของ Angel Road ที่นี่เค้าก็มีจุดชมวิวที่สวยที่สุด เรียกว่า Yakusoku no Oka หรือ Hill of Promise ซึ่งจากจุดนี้จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของ Angel Road ได้โดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นทะเลสีฟ้าครามกว้างใหญ่หรือเกาะเล็กเกาะน้อยไล่เรียงกันไปจนสุดลูกหูลูกตา บรรดาคู่รักทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติต่างนิยมมาให้คำมั่นสัญญากันที่นี่ แล้วลั่นระฆังเพื่อเป็นสัญญาณว่าความรักของพวกเขาจะคงอยู่ตลอดไป

การเดินทาง

จากสถานี Shin-Osaka Station

ให้ขึ้นรถไฟชินคันเซ็นไปลงที่สถานี Okayama Station เพื่อเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย JR Marine-Liner ไปลงที่สถานี Takamatsu Station รวมใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง จากสถานี Takamatsu Station สามารถเดินไปยังท่าเรือ Takamatsu Port เพื่อโดยสารเรือเฟอร์รี ประมาณ 1 ชั่วโมง ไปลงที่ท่าเรือ Tonosho Port บนเกาะโชโดชิมะ แล้วโดยสารรถบัสหรือเช่าจักรยานปั่น หรือนั่งแท็กซี่ไปยัง Shodoshima OLIVE PARK

ข้อมูลทั่วไปเกาะโชโดชิมะ (Shodoshima Island)

Location 1941-1 Nishimura-kou, Shodoshima-cho, Shozu-gun, Kagawa, 761-4434
Tel. 0879-82-2200
Webside www.olive-pk.jp/index.html
วัน-เวลาทำการ เปิดทุกวัน 08:30-17:00
ค่าเข้า ไม่เสียค่าเข้า

พิกัด

Pick up


บทความแนะนำ

  1. เพลิดเพลินไปกับซากุระที่เกียวโต แนะนำสถานที่ชมดอกไม้ เครื่องแต่งกายและโรงแรมที่ใกล้กับสถานที่ชมดอกไม้

  2. แนะนําสถานที่ชมดอกไม้ในภูมิภาคกลางและตะวันตกของญี่ปุ่น

  3. แนะนำ 10 เทศกาลน่าสนใจในญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้ผลิ อากาศเย็นสบาย เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบชิลๆ

บทความล่าสุด

  1. แนะนำช่วงเวลาและสถานที่ชมใบไม้ผลิในภูมิภาคคิวชู

  2. Osaka Expo 2025 เพลิดเพลินไปกับงานนิทรรศกาลที่โอซาก้าอย่างเต็มที่

  3. ไคซึ โอซากิ (Kaizu Osaki) รับชมซากุระอันสวยงามริมทะเลสาบบิวะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ

  4. 7 ของทานเล่นยอดนิยมที่เกาะมิยาจิม่า !

  5. แนะนำช่วงเวลาและสถานที่ชมใบไม้ผลิในภูมิภาคชิโกกุ

  6. แนะนำช่วงเวลาและสถานที่ชมใบไม้ผลิในภูมิภาคชูโกกุ

  7. แนะนำช่วงเวลาและสถานที่ชมใบไม้ผลิในภูมิภาคคันไซ

  8. สวนราคุโฮโดะ มาเอบาชิ (Rakuhodou Maebashi Park) ชมทัศนียภาพอันงดงามของแม่น้ำโทเนะ พร้อมซากุระที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ

  9. แนะนำช่วงเวลาและสถานที่ชมใบไม้ผลิในภูมิภาคชูบุ

  10. แนะนำช่วงเวลาและสถานที่ชมใบไม้ผลิในภูมิภาคโฮคุริคุ

TOP