เมื่อฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมาเยือน ญี่ปุ่นจะถูกแต่งแต้มด้วยสีสันของใบไม้ที่เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดง เหลือง ส้มทั่วทั้งประเทศ หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวที่เงียบสงบ ผ่อนคลาย และได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น การเดินทางสู่เมืองชนบทในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคือคำตอบที่ใช่! บทความนี้จะพาคุณไปสัมผัสเสน่ห์ของชนบทญี่ปุ่นในแบบ Slow Life กับเมืองน่าเที่ยวที่เต็มไปด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติก แล้วมาดื่มด่ำกับช่วงเวลาสุดพิเศษท่ามกลางฤดูใบไม้เปลี่ยนสีกัน
สารบัญ
เสน่ห์ของการเที่ยวชนบทญี่ปุ่นในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
การเที่ยวชนบทญี่ปุ่นในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีไม่เพียงแค่ให้คุณได้ชมความงามของธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังมอบประสบการณ์ที่ในแบบที่ต่างจากเมืองใหญ่อย่างสิ้นเชิง โดยเสน่ห์หลัก ๆ ของชนบทในญี่ปุ่นจะมีดังนี้
ธรรมชาติที่บริสุทธิ์และเงียบสงบ
เมืองชนบทของญี่ปุ่นมักตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขา ป่าไม้ และแม่น้ำ เมื่อถึงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ทิวทัศน์รอบ ๆ จะถูกแต่งแต้มด้วยสีสันของใบไม้แดง เหลือง ส้ม ตัดกับอาคารบ้านที่มีสไตล์เป็นรูปแบบเก่าหรือทุ่งนาได้อย่างลงตัว ซึ่งบรรยากาศเหล่านี้ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในภาพวาด
วิถีชีวิตเรียบง่ายที่สัมผัสได้
ในเมืองชนบทของญี่ปุ่น ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นการเดินตลาดพื้นบ้าน การทำกิจกรรมตามวัฒนธรรม เช่น ทำขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เก็บผักจากสวน หรือแช่ออนเซ็นท่ามกลางธรรมชาติ สร้างความอบอุ่นให้ทั้งร่างกายและจิตใจ
ค้นหาจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีแบบส่วนตัว
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในชนบทจะต่างจากจุดยอดฮิตในเมืองที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว การเที่ยวชนบทจะช่วยให้สามารถเพลิดเพลินกับวิวใบไม้เปลี่ยนสีได้แบบเงียบ ๆ ไม่ต้องแย่งมุมถ่ายรูป หรือรอคิวนาน เพิ่มความประทับใจแบบส่วนตัวได้อย่างเต็มที่
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเดินทาง
การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเดินทางเป็นหัวใจสำคัญของการเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะในเมืองชนบทซึ่งอาจมีช่วงเวลาที่ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีแตกต่างจากเมืองใหญ่ดังนี้
ช่วงปลายเดือนตุลาคม – กลางเดือนพฤศจิกายน
นี่คือช่วงที่ดีที่สุดสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีในหลายพื้นที่ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะโซนชนบททางตอนกลางถึงตอนใต้ของประเทศอย่างเกียวโต กิฟุ นากาโนะ ชิงะ หรือวาคายามะ ซึ่งจะมีอุณหภูมิเริ่มเย็นสบาย ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีไปทั่วทั้งภูเขาและหมู่บ้าน
ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีจากเมืองบนภูเขาก่อน
ในเมืองชนบทที่อยู่บนพื้นที่สูง เช่น ชิราคาวาโกะ หรือคามิโคจิ จะเริ่มเห็นใบไม้เปลี่ยนสีตั้งแต่กลางถึงปลายเดือนตุลาคม หากต้องการเก็บภาพบรรยากาศสุดโรแมนติกของใบไม้แดงท่ามกลางหมู่บ้านโบราณ แนะนำให้วางแผนล่วงหน้าและเช็กพยากรณ์อากาศช่วงนั้นให้ดี
แนะนำเมืองชนบทน่าเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
เมืองชนบทของญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงามนั้นมีอยู่หลายสถานที่ โดยแต่ละสถานที่เหล่านักท่องเที่ยวจะได้ชมวิถีชีวิตของชาวเมือง ประเพณีและวัฒนธรรม รวมไปถึงอาหารท้องถิ่น ใครที่อยากจะมาเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เราก็ขอแนะนำสถานที่เหล่านี้
ทาคายามะ จังหวัดกิฟุ
IMG BY : travel.rakuten
ทาคายามะเป็นเมืองชนบทเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาของจังหวัดกิฟุ โดดเด่นด้วยถนนเมืองเก่าที่เรียกว่า “ซันมาจิ ซูจิ” ซึ่งยังคงรักษาเสน่ห์ของญี่ปุ่นยุคเอโดะไว้ได้อย่างงดงาม โดยจะมีบ้านไม้เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ เมื่อใบไม้เปลี่ยนสีมาเยือนก็ยิ่งเพิ่มความอบอุ่นให้กับเมืองได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงที่พักแบบเรียวกังดั้งเดิมที่สามารถแช่ออนเซ็นและชมใบไม้แดงจากบ่อแช่ได้อย่างเพลิดเพลิน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเที่ยวแบบ Slow Life ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแสนโรแมนติก
IMG BY : travel.rakuten, kankou-gifu
การเดินทาง
เดินทางมาที่สถานี JR Takayama และเดินจากสถานีไปอีกประมาณ 10 นาที
ดูรายละเอียดบัตร JR Pass ได้ที่นี่
จองโรงแรมได้ที่ |
||
---|---|---|
![]() |
![]() |
จองที่ HOTELS.com |
![]() |
![]() |
จองที่ EXPEDIA |
![]() |
![]() |
จองที่ AGODA |
![]() |
![]() |
จองที่ BOOKING.COM |
ชิราคาวะโกะ จังหวัดกิฟุ
IMG BY : lifeisdescavary
ชิราคาวะโกะเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ด้วยเอกลักษณ์ของบ้านทรง “กัสโชสึคุริ” (Gassho-zukuri) ที่มีหลังคาสูงชัน ออกแบบมาเพื่อรองรับหิมะในฤดูหนาว แต่ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่ถูกแต่งแต้มด้วยโทนสีส้ม แดง เหลืองอย่างงดงาม ทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีบรรยากาศอบอุ่นและเป็นธรรมชาติที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น
IMG BY : lemon8-app, asasikibu
การเดินทาง
เดินทางมาที่สถานี JR Takayama และนั่งรถบัสจากสถานีเข้าไปประมาณ 1 ชั่วโมง
ดูรายละเอียดบัตร JR Pass ได้ที่นี่
จองโรงแรมได้ที่ |
||
---|---|---|
![]() |
![]() |
จองที่ HOTELS.com |
![]() |
![]() |
จองที่ EXPEDIA |
![]() |
![]() |
จองที่ AGODA |
![]() |
![]() |
จองที่ BOOKING.COM |
คุซัตสึออนเซ็น จังหวัดกุนมะ
IMG BY : weathernews
คุซัตสึออนเซ็นเป็นหนึ่งในเมืองออนเซ็นที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น โดยที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของน้ำพุร้อนจากธรรมชาติ ซึ่งว่ากันว่าสามารถช่วยรักษาโรคผิวหนังและบรรเทาอาการเมื่อยล้าได้อย่างดีเยี่ยม ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่คุซัตสึออนเซ็นแห่งนี้จะถูกโอบล้อมด้วยใบไม้หลากสี ทำให้การแช่ออนเซ็นกลางแจ้งกลายเป็นประสบการณ์ที่สวยงามและผ่อนคลายแบบสุด ๆ
IMG BY : ameblo, skylandhotel
การเดินทาง
เดินทางมาที่สถานี JR Haneo และนั่งรถบัสจากสถานีเข้าไปประมาณ 30 นาที
ดูรายละเอียดบัตร JR Pass ได้ที่นี่
จองโรงแรมได้ที่ |
||
---|---|---|
![]() |
![]() |
จองที่ HOTELS.com |
![]() |
![]() |
จองที่ EXPEDIA |
![]() |
![]() |
จองที่ AGODA |
![]() |
![]() |
จองที่ BOOKING.COM |
คามิโคจิ จังหวัดนากาโนะ
IMG BY : wamazing
คามิโคจิเป็นพื้นที่ธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติชูบุ-ซังกุ ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาลึกของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร และขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงกลางถึงปลายเดือนตุลาคม เนื่องจากที่นี่ไม่มีสิ่งก่อสร้างมากนัก และรถยนต์ทั่วไปไม่สามารถเข้าไปได้ ทำให้บรรยากาศของที่นี่มีความเงียบสงบ เหมาะกับการเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์พร้อมกับชมทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสีรอบ ๆ เป็นอย่างมาก
IMG BY : wamazing, travelbook
การเดินทาง
เดินทางมาที่สถานี JR Matsumoto และนั่งรถบัสจากสถานีเข้าไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ดูรายละเอียดบัตร JR Pass ได้ที่นี่
จองโรงแรมได้ที่ |
||
---|---|---|
![]() |
![]() |
จองที่ HOTELS.com |
![]() |
![]() |
จองที่ EXPEDIA |
![]() |
![]() |
จองที่ AGODA |
![]() |
![]() |
จองที่ BOOKING.COM |
คุราชิกิ จังหวัดโอคายามะ
IMG BY : ameblo
คุราชิกิเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ด้วยย่านโบราณสไตล์เอโดะที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ผสมผสานกับคลองสายเก่าแก่ที่ไหลผ่านใจกลางเมือง เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ต้นไม้รอบคลองก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง-เหลือง เพิ่มความโรแมนติกให้กับบรรยากาศแบบชนบทญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เหล่านักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมเมือง พร้อมเพลิดเพลินกับวิวใบไม้เปลี่ยนสีและและอาคารบ้านเรือนสไตล์เอโดะ พร้อมกับสัมผัสเสน่ห์ของชีวิตชนบทที่ผสมผสานศิลปะ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมญี่ปุ่น
IMG BY : ameblo, chugoku.letsgojp
การเดินทาง
เดินทางมาที่สถานี JR Kurashiki และนั่งเดินจากสถานีต่อมาประมาณ 10 นาที
ดูรายละเอียดบัตร JR Pass ได้ที่นี่
จองโรงแรมได้ที่ |
||
---|---|---|
![]() |
![]() |
จองที่ HOTELS.com |
![]() |
![]() |
จองที่ EXPEDIA |
![]() |
![]() |
จองที่ AGODA |
![]() |
![]() |
จองที่ BOOKING.COM |
เคล็ดลับในการเที่ยวญี่ปุ่นแบบ Slow Life
การท่องเที่ยวแบบ Slow Life ไม่ใช่แค่การไปในที่เงียบสงบหรือชนบทเท่านั้น แต่คือการ “ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด” กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่นที่ทุกช่วงเวลาและภาพทิวทัศน์มีคุณค่า นี่คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้การเดินทางน่าจดจำยิ่งขึ้น
วางแผนการท่องเที่ยวที่ไม่แน่นจนเกินไป
IMG BY : travel.navitime
เลือกสถานที่เที่ยวไม่เกิน 1-2 ที่ต่อวัน เพื่อให้มีเวลาเดินเล่น พักผ่อน และซึมซับบรรยากาศของสถานที่เหล่านั้น และการเว้นเวลาเผื่อระหว่างกิจกรรมจะช่วยให้ไม่รู้สึกรีบ และพร้อมเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ๆ ตลอดการท่องเที่ยว
แวะร้านค้าเล็ก ๆ ลองของท้องถิ่น
IMG BY : kiwamino
หนึ่งในเสน่ห์ของเมืองชนบทญี่ปุ่นคือร้านค้าเล็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นพวกร้านขนมพื้นบ้าน หรือคาเฟ่ที่ตกแต่งอย่างอบอุ่น ลองมาแวะพักพร้อมกับหาเครื่องดื่มที่ชอบไปพร้อมกับการทานขนมญี่ปุ่นแบบสบาย ๆ กันดู
เดินเท้าให้มากกว่านั่งรถ
IMG BY : photogenicjourney.decollte
การเดินทำให้เห็นรายละเอียดเล็ก ๆ ที่พลาดได้ง่ายเมื่ออยู่โดยสารบนรถ เช่น ใบไม้ที่ร่วงบนทางเดิน ลายไม้ของบ้านโบราณ หรือการใช้ชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น ที่สำคัญยังเป็นการออกกำลังกายเบา ๆ ระหว่างทริปด้วย
ค้นหาที่พักสไตล์ญี่ปุ่น เช่น เรียวกังหรือโฮมสเตย์
IMG BY : tabiiro.travel
พวกที่พักอย่างเรียวกังหรือโฮมสเตย์เหล่านี้มักอยู่ใกล้ธรรมชาติ มีเมนูอาหารตามฤดูกาลและบรรยากาศเงียบสงบ ช่วยเติมเต็มประสบการณ์แบบ Slow Life ได้เป็นอย่างดี การได้ลองแช่บ่อออนเซ็น พักผ่อนในห้องสไตล์ญี่ปุ่นพร้อมกับชมใบไม้เปลี่ยนสีจากหน้าต่างห้องพัก ถือเป็นความสุขเรียบง่ายที่ไม่ควรพลาด
สร้างไดอารี่การเดินทาง
IMG BY : tabizine
ใครที่อยากจะเก็บเรื่องราวในการท่องเที่ยวดี ๆ ในความทรงจำ ขอแนะนำให้ลองสร้างเป็นไดอารี่บันทึกการท่องเที่ยวญี่ปุ่นดู โดยอาจจะโพสลงไปบน SNS อย่างพวก Facebook หรือว่า Instagram โดยเขียนความรู้สึกและสิ่งที่พบเจอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความผูกพันกับสถานที่มากยิ่งขึ้น
ประโยคภาษาญี่ปุ่นน่ารู้สำหรับการไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น
สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับสถานที่หรือเพิ่งไปญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก เชื่อได้เลยว่าจะต้องมีการสอบถามกับคนที่อยู่ใกล้ ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าคนญี่ปุ่นนั้นไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษหรือบางทีอาจจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการสื่นสาร เราจะขอแนะนำประโยคภาษาญี่ปุ่นง่าย ๆ เอาไว้เผื่อในกรณีฉุกเฉินที่จะต้องมีการสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ดังนี้
ประโยค | คำอ่าน | คำแปล |
---|---|---|
おすすめの場所はどこですか? | Osusume no basho wa doko desuka? โอสุสุเมะ โนะ บะโชะ วะ โดโกะ เดสีกะ |
จุดชมวิวที่แนะนำอยู่ตรงไหนคะ/ครับ |
写真を撮ってもいいですか? | Shashin wo tottemo iidesuka? ฉะชิน โอะ ทตเตะโมะ อีเดสกะ? |
ถ่ายรูปได้ไหมคะ/ครับ |
駅はどこですか? | Eki wa doko desuka? เอกิ วะ โดโคะ เดสกะ? |
สถานีรถไฟอยู่ตรงไหนคะ/ครับ |
この電車で〇〇まで行けますか? | Kono densha de 〇〇 made ikemasuka? โคโนะ เด็นฉะ เดะ 〇〇 มาเดะ อิเคมัสกะ? |
รถไฟขบวนนี้ไปถึง〇〇ไหมคะ/ครับ |
การได้เดินทางท่ามกลางธรรมชาติที่เปลี่ยนสีสันพร้อมสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านในเมืองชนบทของญี่ปุ่น นั่นคือประสบการณ์ที่เติมเต็มใจในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีอย่างแท้จริง หากคุณกำลังมองหาความสงบ ความงดงาม และความอบอุ่นแบบเรียบง่าย การท่องเที่ยวสไตล์ Slow Life คือคำตอบที่ใช่สำหรับฤดูนี้ สำหรับผู้ที่เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นมาแล้ว ก็อย่าลืมมาแชร์ความทรงจำในการไปเที่ยวญี่ปุ่นกับพวกเราได้ในกิจกรรม Memories of Japan ที่จัดขึ้นในเพจ FAV A GOOD LAB ทุก ๆ เดือนนะคะ