ฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นเริ่มต้นทางเหนือจรดใต้เป็นช่วงฤดูแห่งการเปลี่ยนสีของใบไม้ เป็นช่วงฤดูการชมความสวยงามของไม้เปลี่ยนสีตั้งแต่ฮอกไกโดถึงคิวชู ซึ่งมีช่วงระยะเวลาของฤดูใบไม้ร่วงระหว่างเดือนกันยายนไปถึงเดือนธันวาคมเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวมากที่สุดเนื่องจากอากาศเย็นสบายที่อุณหภูมิประมาณ 16 องศาเซลเซียส วิวสวยงาม อากาศในช่วงนี้จะชื้นและอุณหภูมิจะลดลงในช่วงกลางคืน รวมถึงประเทศญี่ปุ่นยังมีประเพณีที่น่าสนใจในช่วงฤดูใบไม้ร่วงมากมายซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวได้เห็นถึงประเพณีอันทรงคุณค่าที่มีมายาวนานรวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามน่าอัศจรรย์ใจไปกับธรรมชาติที่น่าหลงใหล ตามมาดูกันค่ะว่ามีที่เที่ยวอะไรบ้างที่น่าสนใจ
สารบัญ
- Rikugien Garden (สวนริคุกิเอ็น)
- Kinkaku-Ji (วัดคินคะคุจิ หรือ วัดทอง)
- Lake Kawaguchiko (ทะเลสาบคาวากูจิโกะ)
- Kamikochi (คามิโคจิ)
- Kiyomizu-Dera (วัดคิโยะมิสึ)
- Yoyogi Koen (สวนโยโยกิ)
- Shirakawago (หมู่บ้านชิราคาวาโกะ)
- Arashiyama (เมืองอะระชิยะมะ)
- Icho Namiki Avenue (อิโช นามิกิ)
- Momiji Kairo Kawaguchiko (อุโมงค์ใบไม้แดง โมมิจิ ไคโร)
Rikugien Garden (สวนริคุกิเอ็น)
IMG BY : viator
สวนริคุกิเอ็นเป็นสวนที่มีความสวยงามมากตั้งอยู่บนเนื้อที่ขนาดใหญ่ในกรุงโตเกียวและเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญสำหรับคนที่หลงใหลซากุระ รวมถึงใบไม้เปลี่ยนสีซึ่งสามารถเข้าชมได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนจะมีการจัดแสงสีในช่วงฤดุกาลนั้นๆอีกด้วย
สิ่งที่น่าสนใจของ Rikugien Garden (สวนริคุกิเอ็น)
- ซากุระและใบไม้เปลี่ยนสี
- เดินข้ามสะพานโทเก็จสึเคียว ที่พาดอยู่บนหินก้อนใหญ่
- การจัดงานแสงสีในช่วงฤดูกาลช่วงเวลากลางคืน
- สวนริคุกิเอ็นได้ไอเดียการออกแบบมาจากบทกวีวะกะที่มีในแต่ละฉากของบทกวี
แนะนำจุดที่น่าสนใจใน Rikugien Garden (สวนริคุกิเอ็น)
- ร้านมัทฉะชาเขียว ที่อยู่ภายในสวนริคุกิเอ็น ร้านน้ำชาชื่อฟุคิอาเกะที่สร้างขึ้นสำหรับเป็นจุดให้หยุดพักหลังจากชมทิวทัศน์ภายในสวน
- โซนอื่นของสวนยังมีร้านน้ำชาทาคิมิโนะชายะและทสึซุจิชายะที่อยู่ด้านตะวันออกเฉียงใต้และด้านเหนือของสวน
เวลาเปิดให้บริการ | 9.00 – 17.00 น. (รอบสุดท้ายเข้าสวนได้ถึงแค่ 16.30 น.เท่านั้น) ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีระหว่างพฤศจิกายน-ต้นเดือนธันวาคม สวนริคุกิเอ็นจะให้เข้าได้ถึง 20.30 น. |
---|---|
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ทั่วไป 300 เยน / ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 150 เยน / เด็กฟรี |
เพิ่มเติม | 29 ธันวาคม ถึง 1 มกราคม เป็นวันหยุดประจำปีของสวนริคุกิเอ็น |
การเดินทาง | เริ่มที่สถานีโคมาโกเมะสถานีรถไฟ JR มายังนัมโบคุ ประมาณ 7 นาที |
Kinkaku-Ji (วัดคินคะคุจิ หรือ วัดทอง)
IMG BY : travel.gaijinpot
วัดคินคะคุจิ เป็นอีกวัดหนึ่งที่สวยงามและเป็นสถานที่เที่ยวที่นิยมของญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเพราะที่วัดแห่งนี้ก็มีต้นไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงให้นักท่องเที่ยวได้ชมความสวยงามเช่นกันและเป็นวัดที่อยู่ในตำนานของเณรน้อยเจ้าปัญญาที่มีท่านโชกุนชอบมาตากอากาศที่นี่ ช่วงที่สวยที่สุดของช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคือช่วงปลายพฤศจิกายน ช่วงนี้จะเห็นใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงสวยงามไปทั่วบริเวณวัดและเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมมากันมาก
สิ่งที่น่าสนใจของ Kinkaku-Ji (วัดคินคะคุจิ หรือ วัดทอง)
- ตัวอาคารของวัดสองชั้นบนเป็นสีทอง มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าของตัววัด ทำให้ดูสงบร่มรื่น
- เป็นวัดหรือเรียกกันว่าปราสาทในเรื่องอิคคิวซัง ที่ท่านโชกุน โยชิมิสึ ใช้เป็นสถานที่ตากอากาศ
- ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1994
- วัดคินคะคุจิเป็นวัดนิกายเซนหลังจากที่โชกุนท่าหนึ่งได้เสียชีวิตหลังจากสร้างนี้ขึ้นเพื่ออาศัย
แนะนำจุดที่น่าสนใจใน Kinkaku-Ji (วัดคินคะคุจิ หรือ วัดทอง)
- ภายในวัดมีจุดที่จำหน่ายเครื่องรางและเซียมซี โดยเซียมซีมีมูลค่า 100 เยนต่อการหยอดเหรียญหนึ่งครั้งซึ่งจะมีตู้สีเหลืองให้หยอดเพื่อเสี่ยงเซียมซี
เวลาเปิดให้บริการ | 9.00 – 17.00 น. |
---|---|
ค่าเข้าชม | 400 เยน |
เพิ่มเติม | ไม่มีรถไฟให้บริการตรง |
การเดินทาง | เริ่มจากสถานีรถไฟ Kitanohakubaicho แล้วต่อรถหมายเลข 205 ลงที่ Kinkaujimichi |
Lake Kawaguchiko (ทะเลสาบคาวากูจิโกะ)
IMG BY : viator
ทะเลสาบคาวากูจิโกะเป็นสถานที่ที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ที่ควรจะต้องไปในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะทะเลทราบแห่งนี้นอกจากสวยงามแล้ววิวที่โดดเด่นก็คือภูเขาฟูจิ ที่นี่มีทั้งที่พักพร้อมออนเซนเหมาะกับการมาค้างคืนเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศและวิวภูเขาไฟฟูจิอย่างยิ่ง
สิ่งที่น่าสนใจของ Lake Kawaguchiko (ทะเลสาบคาวากูจิโกะ)
- พื้นที่บริเวณชายฝั่งด้านตะวันออกจะเป็นที่พักพร้อมออนเซน
- หากอยากได้วิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยที่สุดแนะนำด้านฝั่งเหนือของทะเลสาบ
- ช่วงครึ่งเดือนแรกของพฤศจิกายนในฤดูใบไม้ร่วงใบไม้จะเปลี่ยนสีสลับกันมีทั้งแดง ส้ม เหลือง
แนะนำจุดที่น่าสนใจใน Lake Kawaguchiko (ทะเลสาบคาวากูจิโกะ)
- Kachi Kchi Ropeway : กระเช้าคาจิคาจิ เป็นการเชื่อมต่อระหว่างทะเลสาบคาวากูจิโกะกับยอดเขาเทนโจ (Mount Tenjo) ด้วยระยะทางถึง 400 เมตรบนความสูงที่ 1,000 เมตร / ค่าตั๋วไป-กลับ 720 เยน
- Kubota Itchiku Art Museum : พิพิธภัณฑ์ศิลปะดูโบตะอิตจิคุ เป็นสถานที่แสดงศิลปะเกี่ยวกับการย้อมสีผ้าไหม “สีจิกาฮานะ (Tsujigahana silk dyeing) / ค่าเข้าชม 1,300 เยน
- ออนเซนที่โรงแรมมิฟูจิเอน (Hotel Mifujien) : เป็นโรงแรมที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปใช้บริการแช่ออนเซนในช่วงกลางวันได้พร้อมวิวสวยๆของภูเขาฟูจิ ถึงแม้จะไม่ได้ใช้บริการห้องพักของโรงแรม / ค่าบริการ 1,200 เยน
เวลาเปิดให้บริการ | – |
---|---|
ค่าเข้าชม | – |
เพิ่มเติม | – |
การเดินทาง | เริ่มจากสถานีรถไฟ Shinjuku มุ่งหน้าไปสถานี Kawaguchiko ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง |
Kamikochi (คามิโคจิ)
IMG BY : japanrailtimes.japanrailcafe
คามิโคจิเป็นจุดชมวิวธรรมชาติแหล่งใหญ่ในจังหวัดนากาโน่ โดยรอบของคามิโคจิจะรายล้อมไปด้วยเทือกเขาขนาดใหญ่ แม่น้ำอาซุสะและสะพานกัปปะ สะพานข้ามแม่น้ำที่ทอดยาวเหนือแม่น้ำและรายล้อมด้วยวิวภูเขาสวยๆ ต้นไม้ที่พลัดใบเป็นสีแดง สีส้ม และสีเหลือง
สิ่งที่น่าสนใจของ Kamikochi (คามิโคจิ)
- ได้รับการขนานามว่าเป็น Japan Alps และ สวิสเซอร์แลนด์แห่งญี่ปุ่น
- มีจุดบริการให้กางเต็นท์และพร้อมที่พัก
- วิวถ่ายรูปบนสะพานกัปปะที่ทอดยาวบนแม่น้ำอาซุสะด้านหลังเป็นภูเขาและล้อมรอบด้วยใบไม้สลับกันเปลี่ยนสี
- จุดชมธรรมชาติบนภูเขายาเกะดาเกะ สามารถปีนขึ้นไปชมธรรมชาติได้เหมาะสำหรับนัก Adventure
แนะนำจุดที่น่าสนใจใน Kamikochi (คามิโคจิ)
- Azusa River : แม่น้ำอาซุสะ เป็นจุดชมวิวที่งดงามมากหรือที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น Japan Alps สายน้ำสีฟ้าทอดยาวและรายล้อมไปด้วยต้นไม้เปลี่ยนสีสลับแดง ส้ม เหลือง
- Kappa Bridge : สะพานกัปปะ จุดถ่ายรูปชมวิวอีกจุดที่นิยมกันเมื่อมาถึงคามิโคจิ
- จุดชมธรรมชาติที่น่าสนใจเพิ่มเติม :ทางเดินระหว่าง Taisho (บึงไทโช) กับสะพานกัปปะ และ Taisho (บึงไทโช)กับสะพานเมียจิน สามารถชมธรรมชาติได้อย่างเต็มอิ่ม พร้อมทั้งทิวทัศน์ที่งดงามอีกด้วย
- มีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก ร้านขายอุปกรณ์ปีนเขา และ โรงแรม
เวลาเปิดให้บริการ | กลางเดือนเมษายน ถึง กลางเดือนพฤศจิกายน |
---|---|
ค่าเข้าชม | – |
เพิ่มเติม | เดินทางได้ทั้งรถบัสและรถไฟ |
การเดินทาง | รถบัสใช้เวลาประมาณ 5-7 ชั่วโมง (โตเกียว) หรือ รถไฟด่วนพิเศษอาซีสะไปสถานี Shinjuku ลงที่สถานี Matsumoto แล้วต่อรถบัสไปคามิโคจิใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง |
Kiyomizu-Dera (วัดคิโยะมิสึ)
IMG BY : expedia
วัดคิโยะมิสึหรือวัดน้ำใสเป็นอีกวัดหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องมา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์กรยูเนสโก้และเป็นวัดที่คนนิยมมาไหว้เพื่อขอความมั่งคั่งเนื่องจากวัดคิโยะมิสึมีท่านเจ้าแม่กวนอิม 11 พักตร์ 1000 กร รวมทั้งเทพเอบิสึอีกด้วย
สิ่งที่น่าสนใจของ Kiyomizu-Dera (วัดคิโยะมิสึ)
- เจ้าแม่กวนอิม 11 พักตร์ 1000 กร และ เทพเอบิสึแห่งความมั่งคั่ง
- วัดที่ได้รับการยกย่องและขึนทะเบียนจากยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลก
- แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ล้อมรอบ 3 สาย และเป็นที่มาของอีกชือว่าวัดน้ำใส
- ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะเปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งป่าทำให้ได้ภาพสวยงามและบรรยากาศโรแมนติกมาก โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน
แนะนำจุดที่น่าสนใจใน Kiyomizu-Dera (วัดคิโยะมิสึ)
- Otowa Waterfall: น้ำตกโอะโตะวะ น้ำตกที่เกิดจากแม่น้ำ 3 สายไหลผ่านและชาวญี่ปุ่นนิยมมาดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ โดยเชื่อว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้จะช่วยให้ประสบความสำเร็จทั้งเรื่องเรียน ชีวิตคู่ และ อายุที่ยืยาว
- ภายในวัดคิโยมิสึ มีจุดชงชาเพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสี ร้านอาหาร และ ร้านขายของที่ระลึก
- Okuninushino Mikoto: เทพโอคุนินุชิโนะ มิโกโตะ หรือเทพแห่งเนื้อคู่ สถิตอยู่ที่ศาลเจ้าจิชู (Jishu-Jinja) ซึ่งภายในศาลแห่งนี้จะมีก้อนหินสองก้อนห่างกันประมาณ 18 เมตร หากใครสามารถเดินหลับตาจากหินก้อนแรกไปยังหินก้อนที่สองได้โดยไม่หลงทิศได้เชื่อกันว่าคนนั้นจะสมหวังในความรัก
เวลาเปิดให้บริการ | 06.00-18.00 น. (หากจะเข้าชมใบไม้เปลี่ยนสีช่วงกลางคืนระหว่างกลางเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนพฤศจิการยน ต้องเช็คก่อนว่าทางวัดเปิดให้เข้าหรือไม่) |
---|---|
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 200 เยน (สำหรับเข้าอาคารหลัก) |
เพิ่มเติม | ในช่วงใบไม้ร่วงหรือช่วงที่จัดงานทางวัดจะเปิดไฟประมาณ 17.30 น. |
การเดินทาง | โดยรถไฟสาย Keihan Main Line ประมาณ 25 นาที |
Yoyogi Koen (สวนโยโยกิ)
IMG BY : en.wikipedia
สวนโยโยกิเป็นอีกแห่งหนึ่งที่ใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงสวยงามและบรรยากาศโรแมนติกไม่แพ้ที่อื่นโดยเฉพาะทางใต้เต็มไปด้วยใบเมเปิ้ลสีแดงและกิงโกะสีเหลืองที่ร่วงหล่นบนพื้นเหลืองอร่ามไปทั่วพื้นดินในส่วนแห่งนี้ สวนโยโยกิเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงชาวญี่ปุ่นมักชอบมาปั่นจักรยาน ออกกำลังกาย พักผ่อน เดินเล่นเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศ
สิ่งที่น่าสนใจของ Yoyogi Koen (สวนโยโยกิ)
- ความสวยงามของพื้นดินที่เหลืองอร่ามไปด้วยใบกิงโกะสีเหลืองทำให้บรรยากาศโดยรอบดูอบอุ่นและโรแมนติก
- อยู่ติดกับศาลเจ้าใกล้ฮาราจูกุ
แนะนำจุดที่น่าสนใจใน Yoyogi Koen (สวนโยโยกิ)
- ใบไม้กิงโกะสีเหลือง ที่ร่วงลงมาบนพื้นราวกับปูพรมในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
- มีจุดที่ให้ความช่วยเหลือกรณีที่ผู้ใช้บริการเกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ ทางสวนมี Automatic External Defibrillator (AED) ไว้คอยช่วยเหลือหากมีเหตุเกิดขึ้น
- เป็นสนามกีฬาสำหรับพาราลิมปิคและอนุสรณ์สถานโอลิมปิก
- เป็นเขตรักษาพันธุ์นกและเป็นจุดชมนกป่าที่สวยงามมากมาย (จุดนี้ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้ามา)
- รูปปั้นเทพเจ้างู ที่ประเทศญี่ปุ่นได้รับมอบจากประเทศแม็กซิโก
เวลาเปิดให้บริการ | 24 ชั่วโมง (เปิดทุกวัน) |
---|---|
ค่าเข้าชม | – |
เพิ่มเติม | หากนำรถมาจอดค่าธรรมเนียม 600 เยน ต่อ 1 ชั่วโมง |
การเดินทาง | สามารถเดินเท้าได้จาก JR มาที่สวนใช้เวลาประมาณ 3 นาที |
Shirakawago (หมู่บ้านชิราคาวาโกะ)
IMG BY : snowmonkeyresorts
อีกหนึ่งความภูมิใจของชาวญี่ปุ่นกับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งโดยยูเนสโกนั่นคือหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ด้วยการตกแต่งแบบกัชโชสุคุริตามแบบโบราณและยังคงดำรงการใช้ชีวิตตามแบบโบราณเพื่อต่อสู้กับหิมะจนมาถึงปัจจุบันคนในหมู่บ้านแห่งนี้ก็ยังคงดำรงการใช้ชีวิตในแบบเดิมอยู่ ในช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี จะเปลี่ยนสีเป็นเหลือง สีน้ำตาลทำให้หมู่บ้านนี้ยิ่งเหมือนมีมนต์คลังให้ความรู้สึกเหมือนย้อนยุคและมีต้นไม้เปลี่ยนสีล้อมรอบ
สิ่งที่น่าสนใจของ Shirakawago (หมู่บ้านชิราคาวาโกะ)
- บ้านแต่ละหลังก่อสร้างแบบกัชโชสุคุริแบบโบราณซึ่งมีหลังคาชัน 60 องศา
- หลังคาในแบบกัชโชสุคุริจะมีความหนาและช่วยคุ้มกันความหนาวได้ดีในช่วงฤดูหนาว
- ภายในหมู่บ้านโอบล้อมด้วยธรรมชาติมากมายเช่นลำนำเล็กๆ ภูเขา ต้นไม้ แปลงนา เป็นสเน่ห์ที่น่าหลงใหลมาก
- ในหมู่บ้านชิราคาวาโกะยังมีคนอาศัยอยู่และดำรงชีวิตตามแบบโบราณ
แนะนำจุดที่น่าสนใจใน Shirakawago (หมู่บ้านชิราคาวาโกะ)
- การเดินเยี่ยมชมในหมู่บ้าน ต้องคอยสังเกตว่าบ้านไหนมี “ป้ายไม่อนุญาต” ให้เข้าด้วยนะ
- พิพิธภัณฑ์ที่แสดงถึงวิถีชีวิตของคนใหนหมู่บ้านตั้งแต่โบราณถึงปัจจุบัน
- ศาลเจ้าชิราคาวะ ฮะจิมันหรือศาลเจ้าชินโต ที่คนในหมู่บ้านสักการะบูชา
- วัดเมียวโอะเชนจิ จะอยู่ทางเหนือของหมู่บ้าน โดยหอระฆังจะมุงหลังคาแบบกัสโชสึเหมือนในหมู่บ้าน
- อาหารท้องถิ่นของหมู่บ้านคือหมูย่างบนใบโฮบะ ที่มีบริการในหมู่บ้าน
- ของฝากที่ระลึกที่ต้องซื้อติดมือนั่นคือ ตุ๊กตาซารุโบโบะ(ลิงน้อย) ถือเป็นเครื่องรางนำโชคอย่างหนึ่งที่ควรซื้อไปฝาก
- มีที่พักโฮมสเตย์ให้บริการ พร้อมแผนที่ของหมู่บ้านให้เดินท่องเที่ยวได้โดยไม่หลงอีกด้วย
เวลาเปิดให้บริการ | – |
---|---|
ค่าเข้าชม | – |
เพิ่มเติม | ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเริ่มต้นเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน |
การเดินทาง | โดยรถไฟจากโอซาก้ามาที่เมืองคานาซาวา แล้วขึ้นรถบัสมาที่หมู่บ้านประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า |
Arashiyama (เมืองอะระชิยะมะ)
IMG BY : insidekyoto
เมืองอะระชิยะมะเป็นอีกที่หนึ่งที่เลื่องลือและต้องไปเที่ยวเก็บภาพสวยๆในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีกับป่าไผ่สองข้างทางนอกจากนี้ยังสามารถล่องเรือในแม่น้ำโฮซูกาวะชมความงามสองข้างทางและสะพานโทเก็ตสึเคียวที่เป็นไฮไลท์ของอะระชิยะมะ หรือจะนั่งรถไฟสายโรแมนติกชมวิวเขาและแม่น้ำสองข้างทางก็ยังได้
สิ่งที่น่าสนใจของ Arashiyama (เมืองอะระชิยะมะ)
- เส้นทางป่าไผ่สองข้างทางโอบล้อมด้วยธรรมชาติอันงดงาม
- วัดเทนริวจิ ที่อยู่ในเมืองอะระชิยะมะ
- แม่น้ำโฮซูกาวะ ที่สามารถล่องเรือชมวิวได้
- สะพานโทเก็ตสึเคียว จุดชมวิวและถ่ายรูปสวยๆ
- รถไฟสายโรแมนติก ชมวิวสองข้างทาง
แนะนำจุดที่น่าสนใจใน Arashiyama (เมืองอะระชิยะมะ)
- ชมใบไม้เปลี่ยนสีทีวัดเทนริวจิ วัดที่เป็นมรดกโลกชื่อดังท่ามกลางส่วนเก่าแก่
- ร้านของฝากและร้านคาเฟ่ (คาเฟ่ริลัคคุมะ) ในป่าไผ่
- สะพานโทเก็ตสึเคียว จุดไฮไลท์ของป่าไผ่ สำหรับชมใบไม้เปลี่ยนสีบริเวณโดยรอบ
เวลาเปิดให้บริการ | 24 ชั่วโมง |
---|---|
ค่าเข้าชม | วัดเทนริวจิ (ผู้ใหญ่ 500 เยน) |
เพิ่มเติม | ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเริ่มต้นเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน |
การเดินทาง | โดยรถไฟสาย JR ไปยัง Arahiyama ใช้เวลาประมาณ 17 นาที |
Icho Namiki Avenue (อิโช นามิกิ)
IMG BY : tokyocheapo
อิโช นามิกิหรือถนนต้นแปะก๊วยเป็นถนนที่มีเอกลักษณ์เมื่อถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือใบไม้เปลี่ยนสี ต้นแปะก๊วยก็จะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองร่วงหล่นบนพื้นถนนเหลืองอร่ามไปทั่วบริเวณซึ่งใบไม้จะเปลี่ยนสีในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน นับว่าเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นจะมาถ่ายรูปกันอย่างเนืองแน่น
สิ่งที่น่าสนใจของ Icho Namiki Avenue (อิโช นามิกิ)
- ถนนที่โอบล้อมด้วยแนวต้นไม้สีทองคำ เป็นจุดเชื่อมกับอาโอยามะและสวนเมจิจงกูไกเอ็น
- ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคือช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม
- ร้านคาเฟ่บนถนนไกเอ็นมะเอะ
แนะนำจุดที่น่าสนใจใน Icho Namiki Avenue (อิโช นามิกิ)
- ชมใบไม้เปลี่ยนสีตลอดเส้นทางประมาณ 300 เมตร โดยมีต้นแปะก๊วยเรียงรายอยู่รอบถึง 146 ต้น
- ช่วงเวลาที่คนน้อยและเหมาะสำหรับถ่ายภาพช่วงวันธรรมดา
- ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นธันวาคมจะมีการออกร้านของประจำท้องถิ่นตั้งแต่ 10.00-17.30 น.
เวลาเปิดให้บริการ | 24 ชั่วโมง |
---|---|
ค่าเข้าชม | – |
เพิ่มเติม | ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเริ่มต้นเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม |
การเดินทาง | โดยรถสาธารณะหรือรถไฟสายฮัมโซมงไปยังสถานีโอยามะอิตโชเมะ |
Momiji Kairo Kawaguchiko (อุโมงค์ใบไม้แดง โมมิจิ ไคโร)
IMG BY : flickr
ลักษณะเด่นของอุโมงค์ใบไม้แดงแห่งนี้คือต้นเมเปิ้ลสองข้างทางโน้มเข้าหากันตรงกลางจนเป็นอุโมงค์ตามธรรมชาติ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีแดงส้มสลับกันตลอดทางนับเป็นความสวยงามที่หายากและอลังการอย่างมาก ที่สำคัญคืออุโมงค์ใบไม้แดงหรือใบเมเปิ้ลนี้เป็นสถานที่ที่ฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวอีกทั้งยังใกล้กับภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย ถ้าไปภูเขาไฟฟูจิก็ต้องมาที่อุโมงค์ใบเมเปิ้ลนี้ถึงจะฟินน์
สิ่งที่น่าสนใจของ Momiji Kairo Kawaguchiko (อุโมงค์ใบไม้แดง โมมิจิ ไคโร)
- ต้นเมเปิ้ลสองข้างทางที่โค้งเข้าหากันตรงกลางซึ่งเป็นทางน้ำสายเก่าจึงเป็นที่มาของอุโมงค์ใบเมเปิ้ล
- อุโมงค์นี้ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ เดินทางง่าย
- ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคือช่วงเดือนพฤศจิกายน
แนะนำจุดที่น่าสนใจใน Momiji Kairo Kawaguchiko (อุโมงค์ใบไม้แดง โมมิจิ ไคโร)
- อุโมงค์ใบเมเปิ้ล สามารถชมวิวและจุดใบไม้เปลี่ยนสีของภูเขาไฟฟูจิได้
- อยู่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิและทะเลสาบคาวากุจิโกะ
- ช่วงเวลากลางคืนจะมีการประดับไฟตลอดทางเดิน ทำให้บรรยากาศโรแมนติกและงดงามมาก
เวลาเปิดให้บริการ | 24 ชั่วโมง |
---|---|
ค่าเข้าชม | – |
เพิ่มเติม | ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเริ่มต้นเดือนพฤศจิกายน |
การเดินทาง | โดยรถไฟฟ้าจากโตเกียวมายังสถานี Kawaguchiko แล้วต่อรถบัสมายัง Kubota Art Museum |
เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะกับที่เที่ยวที่น่าสนใจในประเทศญีปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือใบไม้เปลี่ยนสี เรียกได้ว่าแต่ละที่ทั้งทึ่ง ทั้งสวย ทั้งฟินน์และโรแมนติกมาก นอกจากความสวยงามตามธรรมชาติแล้วยังงดงามสมกับที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย แต่ก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเพื่อนๆต้องเช็คเรื่องอากาศ รวมถึงการเปิดให้เข้าชมของสถานที่แต่ละที่พร้อมทั้งเส้นทางการเดินทางเพื่อที่จะได้เก็บความสวยงามไว้ในความทรงจำได้ครบทุกที่นะคะ