โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea) สวนสนุกยอดนิยมของเหล่าคนรักการผจญภัยเหนือจินตนาการในจังหวัดชิบะ (Chiba) ประเทศญี่ปุ่น เปิดโซนใหม่ล่าสุดที่ทุกคนตั้งตารอคอยในชื่อ “Fantasy Springs” ที่ประกอบด้วย 3 ธีมหลักจากภาพยนตร์ดิสนีย์ชื่อดังอย่าง Frozen, Tangled และ Peter Pan โดยมีกำหนดการเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา พร้อมกับการสร้างโรงแรมแห่งใหม่ที่อำนวยความสะดวกให้เพื่อนๆ สามารถเดินเข้าสู่สวนสนุกแห่งนี้ได้ทันที!
เดิมที ทาง Oriental Land วางแผนไว้ว่าจะเปิดพื้นที่ Fantasy Springs ภายในปี 2023 แต่ได้ประกาศออกมาเลื่อนการเปิดเป็นปี 2024 ซึ่งสาเหตุมาจากผลกระทบของ Covid-19 ที่ทำให้การซื้อขายสินค้ารวมถึงระยะเวลาสำหรับก่อสร้างล่าช้าขึ้น
นอกจากนี้ ทาง Oriental Land ยังเปิดเผยอีกว่าเงินที่ต้องใช้ไปกับการลงทุนในพื้นที่ใหม่ก็เพิ่มขึ้นอีกกว่า 7 พันล้านเยน เนื่องจากค่าวัสดุและค่าแรงที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงผลกระทบของการที่ค่าเงินเยนอ่อนตัวลง
IMG BY : www.fashion-press.net/
ถือว่า Fantasy Springs เป็นโซนความสนุกลำดับที่ 8 ของ Tokyo DisneySea เป็นการขยายพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดและใช้เงินลงทุนสูงในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่เปิดตัว Tokyo DisneySea มา โดยใช้ทุนการสร้างอยู่ที่ 2,500 ล้านเยน บนพื้นที่ทั้งหมด 140,000 ตารางเมตร
สารบัญ
แนะนำบัตรเข้าชมโตเกียวดิสนีย์รีสอร์ต (Tokyo Disney Resort)
สำหรับบัตรเข้าชมโตเกียวดิสนีย์รีสอร์ตจะเป็นบัตรที่จะพาคุณไปเพลิดเพลินกับสวนสนุกขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วยโตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland) โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea) ที่รวมโซน Fantasy Springs เอาไว้ด้วย นอกจากนี้ยังมีทั้งโรงแรม ร้านค้า และสถานที่อื่น ๆ ที่พาคุณเพลิดเพลินได้ตลอดวัน หากสนใจก็สามารถคลิ๊กที่ปุ่มด้านล่างเพื่อดูรายละเอียดได้เลยค่ะ
ดูรายละเอียดได้ที่นี่
โซนใหม่ Fantasy Springs
ถูกสร้างขึ้นภายใต้ธีม “a world of Disney fantasy led by magical springs” หรือโลกแห่งจินตนาการของดิสนีย์ที่ถูกนำพาโดยฤดูใบไม้ผลิที่น่าอัศจรรย์ ภายในประกอบไปด้วย 3 โซนสุดแฟนตาซีในธีมภาพยนตร์ชื่อดังของวอลต์ดิสนีย์ ได้แก่ Frozen (ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ), Tangled (เจ้าหญิงราพันเซล) และ Peter Pan (ปีเตอร์ แพน แห่งดินแดนมหัศจรรย์)
นอกจากนั้นยังมีโรงแรมที่อยู่ในพื้นที่ของสวนสนุก โดยมีสวนเชื่อมต่อกัน มีจำนวน 475 ห้อง พร้อมห้องอาหาร 2 ห้อง เล้าจน์ และร้านขายของที่ระลึก ตัวโรงแรมจะแบ่งออกเป็น 2 อาคาร ได้แก่ Fantasy Chateau และ The Grand Chateau โดยห้องดีลักซ์ทั้งหมดจะอยู่ในอาคาร Fantasy Chateau ส่วนห้องที่อัปเกรดกว่าจะอยู่ใน The Grand Chateau
IMG BY : www.fashion-press.net/
Fantasy Springs’ Entrance
เริ่มจากทางเข้าโซนเลยค่ะ เมื่อทุกคนเดินเข้ามาเเล้วจะได้รับการต้อนรับจากน้ำพุมหัศจรรย์ที่มีหินรูปร่างของปีเตอร์แพน แอนนา เอลซ่า ราพันเซล และตัวละครอื่นๆ อีกมากมาย เเละไม่ได้มีแค่ทางเข้าเท่านั้นนะ ยังมีน้ำพุมหัศจรรย์ที่มีรูปร่างเป็นตัวละครดิสนีย์ถูกติดตั้งอยู่ทั่วบริเวณโซนนี้เลยแหละ
Frozen Kingdom
“Frozen Kingdom” หรือ “อาณาจักร Arendelle” ในช่วงเวลาหลังจากที่เอลซ่า ราชินีหิมะ ยอมรับเวทมนตร์แห่งน้ำแข็งเเละสามารถควบคุมพลังได้ ทำให้อาณาจักรแห่งนี้กลับมาอบอุ่นอีกครั้งและล้อมรอบไปด้วยบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง ตั้งแต่สะพานที่ทอดไปสู่ปราสาท รวมถึงทิวทัศน์เมืองและทะเลสาบที่มีผู้คนอาศัยอยู่
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของโซนนี้ นั่นก็คือหน้าผาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและภูเขาของฟยอร์ดอยู่ไกลๆ เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าครั้งหนึ่งเคยมีหิมะปกคลุมที่อาณาจักร Arendelle เเละถ้าสังเกตดีๆ ก็จะมองเห็นปราสาทน้ำแข็งของเอลซ่าเเละระเบียงที่เอลซ่ายืนร้องเพลงท่อนสุดท้ายของ “Let It Go” ด้วย
IMG BY : www.fashion-press.net/
เครื่องเล่น “Anna and Elsa’s Frozen Journey”
“Anna and Elsa’s Frozen Journey” เป็นเครื่องเล่นทางน้ำที่เราจะได้เพลิดเพลินไปกับเรื่องราวสุดผจญภัยและอบอุ่นใจของสองพี่น้อง แอนนาเเละเอลซ่าที่ “รักแท้” สามารถละลายหัวใจที่เยือกแข็งได้ มาพร้อมกับบทเพลงประกอบในภาพยนต์ชื่อดัง อย่างเพลง “For the First Time in Forever” และเพลง “Love Is an Open Door”
ร้านอาหาร “Arendelle Royal Banquet”
ร้านอาหาร “Arendelle Royal Banquet” เปิดให้บริการเป็นร้านอาหารรูปแบบเคาน์เตอร์เซอร์วิสภายในปราสาท Arendelle โดยมีที่นั่งประมาณ 570 ที่นั่ง การออกแบบของร้านอาหารชวนให้เราจินตนาการว่าเป็นแขกที่ถูกเชิญมางานเลี้ยง ต้อนรับการเปิดพระราชวังยังไงอย่างงั้นเลย เเละถ้าหากยังดื่มด่ำบรรยากาศภายในปราสาทไม่จุใจละก็ ที่นี่ยังมีพื้นที่รับประทานอาหารกลางแจ้งให้ทุกคนได้ชมทิวทัศน์ของหน้าผาฟยอร์ดและภูเขาในระยะไกลอีกด้วย
ภายในร้านอาหารก็ยังเต็มไปด้วยงานศิลปะ ของตกแต่งต่างๆ หรือหนังสือที่เกี่ยวข้องกับตัวละครที่ปรากฏในภาพยนตร์ให้เราได้ชมพลางรับประทานอาหารไปด้วย อย่างเช่นภาพวาดมากมายที่ปรากฏในฉากที่แอนนาร้องเพลง “For the First Time in Forever”
แม้แต่เมนูชุดอาหารกลางวันเเละอาหารเย็นของเอง ก็น่ารับประทานไม่แพ้กันค่ะ
ชุดเมนูอาหารแนะนำของที่นี่คือ “Arendelle Royal Set”
นอกจากนี้ยังมีร้าน “Oken’s OK Foods” ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ดำเนินการโดย Oken เจ้าของกระท่อมร้านขายของชำบนภูเขาที่มีบริการห้องซาวน่าที่ปรากฏในภาพยนตร์ เมนูเด่นของร้านนี้คือ “ขนมปัง Fufu ของ Oken” ซึ่งเป็นการดัดแปลงมาจากขนม ”Cardamom Rolls” สูตรพิเศษของสแกนดิเนเวีย ขนมปังเนื้อนุ่มปรุงรสด้วยกระวานและยัดไส้ด้วยเนื้อที่ผ่านการปรุงด้วยเครื่องเทศสแกนดิเนเวีย ตบท้ายด้วยแยมแอปเปิ้ลเบอร์รี่
แนะนำของที่ระลึก
IMG BY : www.fashion-press.net/
Rapunzel’s Forest
แปลเป็นภาษาไทยในชื่อโซน “ผืนป่าของราพันเซล” แน่นอนว่าอย่างแรกที่เราจะสะดุดตาก่อนเลยคือหอคอยอันสูงเสียดฟ้าที่มีราพันเซลอาศัยอยู่ค่ะ เมื่อตกเย็นทุกคนจะได้เห็นแสงไฟส่องสว่างจากบนหอคอยยาวมาจนถึงตะเกียงที่เรียงรายไปตามทางเดิน ร้านอาหาร เเละโรงเก็บเรือ รวมถึงแสงสว่างจากโคมไฟที่ห้อยตรงเรือด้วย ทำให้ผืนป่าแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยแสงระเรื่ออันอบอุ่นสวยงามไม่แพ้ตอนกลางวันเลยละค่ะ
จากยอดหอคอยบนปราสาท หากเพื่อนๆ ลองมองดูให้ดีๆ ยังสามารถมองเห็นราพันเซลโน้มตัวลงมาและมองทอดสายตาออกไปเบื้องหน้าที่ไกลสุดตา ด้วยสีหน้าเหมือนฝัน เธอกำลังร้องเพลง “Door to Freedom” และเสียงร้องของราพันเซลก็ก้องดังไปทั่วทั้งบริเวณหอคอยแห่งนี้
เครื่องเล่น “Rapunzel’s Lantern Festival”
“Rapunzel’s Lantern Festival” เป็นเครื่องเล่นทางน้ำ ที่บรรยายการเดินทางโดยเรือระหว่างราพันเซลและโจรซ่าจอมเเสบ พระเอกของเรื่อง ไปยังประสาทที่พระราชาและราชินี จะจุดโคมลอยเป็นประจำทุกปีในวันเกิดของเจ้าหญิงเพื่อระลึกถึงเจ้าหญิงที่หายไป ในระหว่างที่เรานั่งล่องเรือไปนั้น จะทำให้เราหวนนึกถึงการผจญภัยเเละความรักระหว่างราพันเซลเเละฟลินน์ ไรเดอร์ รู้ตัวอีกทีคือรอบตัวเราจะถูกห้อมล้อมไปด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติกเเละโคมลอยที่ส่องแสงจำนวนนับไม่ถ้วน พร้อมกับเพลง “I see the light” ที่เปิดคลอไปด้วย บรรยากาศอินไปกับเรื่องราวความรักของทั้งสองคนแบบสุดๆ เลยค่ะ
IMG BY : www.fashion-press.net/
ร้านอาหาร “Snuggly Duckling”
ร้านอาหาร “Snuggly Duckling” เชื่อว่าหลายๆคน ที่เคยดู Tangled คงจำกันได้ดีกับร้าน “Snuggly Duckling” เพราะเป็นร้านที่ปรากฎในภาพยนตร์ที่ซึ่งราพันเซลได้พบกับเหล่าอันธพาลที่ต่างมีความฝันเเละได้ร่วมร้องเพลงกับพวกเขาอย่างสนุกสนาน
ร้าน “Snuggly Duckling” เป็นร้านอาหารแบบเคาน์เตอร์เซอร์วิส มีที่นั่งประมาณ 620 ที่นั่ง บรรยากาศเเละกลิ่นอายภายในร้านเรียกได้ว่าไม่ต่างกับฉากในภาพยนตร์เลย เช่น พื้นที่จำลองของบาร์ หรือแม้แต่คอกม้า
เมนูชุดอาหารกลางวันเเละอาหารเย็นของเอง ก็น่ารับประทานไม่แพ้กันค่ะ
ชุดเมนูอาหารแนะนำของที่นี่คือ “Duckling Dream Cheeseburger” แฮมเบอร์เกอร์ชีสที่มีทั้งเนื้อเเละไส้กรอกชุ่มฉ่ำ
และ “Sweets Ever After” พายอบที่โปะด้วยครีมซอสเลมอนเเละสตรอว์เบอร์รีลูกโตๆ เป็นของหวานที่ตั้งชื่อตามคำพูดของราพันเซลในตอนท้ายของภาพยนตร์ว่า “เเละเราก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป”
IMG BY : www.fashion-press.net/
แนะนำของที่ระลึก
IMG BY : www.fashion-press.net/
Peter Pan’s Neverland
“Peter Pan’s Neverland” ดินแดนเนเวอร์เเลนด์ ดินแดนอันเลื่องชื่อของเหล่าเด็กที่ไม่มีวันโต ที่เฝ้ารอเหล่านักผจญภัยอย่างเพื่อนๆ ให้กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของแก๊งเด็กหลงทาง หรือ “Lost Kids” และสามารถเพลิดเพลินไปกับการผจญภัยในเนเวอร์แลนด์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินชมรอบๆ เรือโจรสลัดขนาดใหญ่, หินกระโหลก, การเผชิญหน้ากับโจรสลัด, Pixie Hollow หุบเขาแห่งนางฟ้าที่ทิงเกอร์เบลล์อาศัยอยู่ เเละหมู่บ้านชาวอินเดียแดงที่อยู่อาศัยของไทเกอร์ลิลลี่ เป็นต้น
เครื่องเล่น “Peter Pan’s Neverland Adventure”
เครื่องเล่น “Peter Pan’s Neverland Adventure” เป็นเครื่องเล่นเเนว 3 มิติที่เราจะได้แล่นอยู่บนเรือ ผจญภัยไปกับเรื่องราวของ ปีเตอร์แพนและทิงเกอร์เบลล์ในการช่วยเหลือจอห์น น้องชายของเวนดี้ ที่ถูกกัปตันฮุคและโจรสลัดลักพาตัวไปไว้ที่เนเวอร์แลนด์ นอกจากนั้นความมหัศจรรย์ในระหว่างการล่องเรือคือเมื่อไรก็ตามที่ทิงเกอร์เบลล์โรยผงวิเศษนางฟ้า หรือ Pixie dust เรือเหล่านั้นก็จะลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วย
เครื่องเล่น “Fairy Tinker Bell’s Busy Buggies”
“Fairy Tinker Bell’s Busy Buggies” ใน Pixie Hollow หุบเขาแห่งนางฟ้า เพื่อนๆจะได้เห็นแต่ละขั้นตอนของนางฟ้าในการช่วยทิงเกอร์เบลล์ส่งพัสดุไปยังสถานที่ต่างๆ ทั้งสี่ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว เเละที่สำคัญคือเมื่อทุกคนเหยียบเข้ามาในโซนนี้เเล้ว ทุกคนจะรู้สึกราวกับว่าร่างกายถูกย่อส่วนให้เล็กลงเท่ากับนางฟ้าเลยล่ะ
IMG BY : www.fashion-press.net/
ร้านอาหาร “Look out Cookout”
ร้านอาหารแนะนำในโซนนี้ ชื่อร้านว่า “Look out Cookout” เป็นร้านอาหารแบบบริการตนเองที่มีที่นั่งราว 200 ที่นั่ง เปรียบเสมือนกับที่ซ่อนของพวกเด็กหลงทาง Lost Boys ทั้ง 6 คน เเละถ้าหากมองไปรอบๆ ร้านเราจะเห็นว่ามีซากเรือและวัตถุลอยน้ำอยู่มากมาย ซึ่งทำให้ได้บรรยากาศเหมือนเราอยู่ดินแดนเนเวอร์แลนด์จริงๆ
เมนูชุดอาหารทานเล่นของที่นี่เอง ก็น่ารับประทานไม่แพ้กันค่ะ
ชุดเมนูอาหารแนะนำของที่นี่คือ “Lost Kids Snack Box” ภายในเซ็ทจะมีกล้วยทอด กุ้งทอด และอื่นๆ อีกมากมาย เหมาะที่จะนำมาทานขณะชมทิวทัศน์ของเนเวอร์แลนด์ไปด้วย
ป๊อปคอร์นรสชาติใหม่
ป๊อปคอร์นรสเนื้อย่างจะมีจำหน่ายเป็นครั้งแรกที่ Tokyo Disney Resort โดยเราสามารถไปสัมผัสความหอมของเนื้อย่างและน้ำเกรวี่ได้ตามจุดขายป๊อปคอร์นที่มีลักษณะเป็นเกวียนคล้ายเรือที่ทำจากกระดานเก่าหลากสี โดยตัวเกวียนคล้ายเรือนี้ได้รับการตกแต่งด้วยภาพประกอบที่ดูเหมือนภาพวาด โดยกลุ่มเด็กหลงทาง “Lost Kids” ในเรื่องปีเตอร์แพน
IMG BY : www.fashion-press.net/
แนะนำของที่ระลึก
IMG BY : www.fashion-press.net/
“Disney Hotel “Tokyo DisneySea Fantasy Springs Hotel”
โซนสุดท้ายที่เราอยากจะแนะนำคือโรงแรมดิสนีย์แห่งที่ 6 ในญี่ปุ่น “Tokyo DisneySea Fantasy Springs Hotel” ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งน้ำพุมหัศจรรย์ของโซน Fantasy Springs เนื่องจากโรงแรมแห่งนี้อยู่ภายในสวนสนุกเลย ดังนั้นจึงสามารถเป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถเข้ามาเยี่ยมชมหรือเข้าพักหลังจากเดินเที่ยวในสวนสนุกมาทั้งวันได้
ประเภทห้องพัก
ประเภทห้องพักจะแบ่งตัวอาคารออกเป็น 2 อาคาร คือ อาคารดีลักซ์ “Fantasy Chateau” ซึ่งภายในห้องพักจะตกแต่งด้วยลวดลายดอกไม้ สัตว์ และน้ำพุมหัศจรรย์ เเละอีกอาคารคือ “Grand Chateau” ซึ่งจะให้บริการที่พักในคุณภาพสูงสุด นอกจากนั้นตำแหน่งแต่ละประเภทของห้องยังแบ่งออกเป็น 4 ฝั่งได้แก่ ฝั่งบริเวณอ่าว ฝั่งทางเข้าโรงแรม ฝั่งสวนไม้ และฝั่งน้ำพุ
จากห้องพักทั้งหมด 475 ห้อง โดย 419 ห้อง เป็นห้องพักแบบ “Fantasy Chateau” และ 56 ห้อง เป็นห้องพักแบบ “Grand Chateau” แต่เราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันงดงามของ Fantasy Springs ได้จากระเบียงของห้องพักทุกห้องเลย เเละที่ดีไปกว่านั้นคือราคาห้องพักได้รวมตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวและตั๋วชมการแสดงต่างๆ ไว้เรียบร้อยเเล้วด้วย
“Fantasy Chateau”
“Fantasy Chateau” เป็นห้องพักที่ตกแต่งวอลเปเปอร์และแสงไฟในห้องพักด้วยลวดลายดอกไม้และตัวละครจากภาพยนตร์ดิสนีย์ เช่น “Tangled” และ “Bambi” เป็นต้น
ประเภทห้องพักที่พบบ่อยที่สุดของ “Fantasy Chateau” คือห้อง Superior Alcove นอกจากเตียงธรรมดา 2 เตียงแล้ว ยังมีเตียงเลื่อนแบบดึงออกได้ 1 เตียง และเตียงโค้ง 1 เตียงที่ตั้งอยู่ในช่องบนผนัง
เลานจ์ที่ “Fantasy Chateau” ยังตกแต่งด้วยพืชและสัตว์ใน Fantasy Springs ลวดลายฤดูใบไม้ผลิที่มีมนต์ขลัง และภาพวาดที่แสดงถึงเจ้าหญิงดิสนีย์ แสงไฟเป็นรูปดอกไม้ และเพดานตกแต่งด้วยต้นไม้คล้ายไม้เลื้อย สร้างบรรยากาศที่สดใสที่จะทำให้ผู้เข้าพักรู้สึกสดชื่น เบิกบานใจ
“Grand Chateau”
“Grand Chateau” ตกแต่งด้วยสไตล์ห้องพักที่เรียบหรู มีจำนวนห้องพักที่น้อยกว่า เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่มีความต้องการพื้นที่ความเป็นส่วนตัว
ภายในห้องพักรวมถึงเตียงนั้นเต็มไปด้วยการตกแต่งที่เพิ่มความเก๋ไก๋ให้กับการเข้าพักของคุณ เช่น เครือเถาสามมิติและภาพการ์ตูนปิดทอง จากระเบียงและเฉลียงที่อยู่ติดกับห้องพักทุกห้อง คุณสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพราวกับว่าคุณอยู่ในโลกแฟนตาซีของดิสนีย์เพียงลำพัง
IMG BY : www.fashion-press.net/
ห้องอาหาร
ห้องอาหารของโรงแรมจะมีทั้งหมด 3 แห่งด้วยกัน ซึ่งต่างหันหน้าไปทางสวนสาธารณะ ได้แก่
1. Fantasy Springs Restaurant
ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ที่เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน
2. Grand Paradis Lounge
ล็อบบี้เลานจ์ที่หันหน้าไปทางแฟนตาซีสปริงส์ สามารถเพลิดเพลินกับมื้ออาหารพร้อมชมทิวทัศน์ผ่านหน้าต่างบานใหญ่ได้
3. La Liberure
ร้านอาหารฝรั่งเศสที่คัดสรรมาวัตถุดิบมาอย่างดีโดยเชฟ เเละให้บริการเฉพาะแขกที่เข้าพักที่ “Grand Chateau” เท่านั้น
ร้านขายของที่ระลึก
ร้านขายของที่ระลึกในโซนนี้จะมีอยู่ 2 แห่งด้วยกันคือ “Fantasy Springs Gifts” เเละ “Springs Treasures” โดยร้านแรกจะตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ของโรงแรม Tokyo DisneySea Fantasy Springs โดยสินค้าหลักที่จำหน่ายได้แก่ สินค้าในกลุ่ม “Frozen” “Tangles” และ “Peter Pan”
ส่วนร้านที่สองนั้นจะตั้งอยู่ริมทางเดินบริเวณโซน Arabian Coast สิรค้าที่จำหน่ายจะเป็นหลากหลายประเภท เช่น สินค้าในกลุ่ม Disney Princess ทั้ง “มู่หลาน” “สโนว์ไวท์” “ซินเดอเรลล่า” “อะลาดิน กับ ตะเกียงวิเศษ” เป็นต้น
IMG BY : www.fashion-press.net/
วิธีการเข้าชม
ช้ตั๋วเข้า Tokyo DisneySea park พร้อมกับบัตร Standby Pass (ไม่เสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม) หรือ Disney Premier Access (เสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม) อย่างใดอย่างหนึ่ง
บัตร Standby Pass เเละ Disney Premier Access
หลังจากเข้าสู่สวนสนุก ผู้เยี่ยมชมต้องกดรับบัตรประเภทใดประเภทหนึ่งนี้ผ่านแอพ Tokyo Disney Resort โดยผู้เยี่ยมชมจะต้องระบุเวลาในการเยี่ยมชมโซนต่างๆ เมื่อใช้บริการนี้
บัตร Disney Premier Access และ Standby Pass มีจำหน่ายในจำนวนจำกัดในแต่ละวัน ความแตกต่างของบัตรสองประเภทนี้ก็คือ บัตร Disney Premier Access เวลาในการต่อคิวจะน้อยกว่า
ดูรายละเอียดได้ที่นี่