ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่น่าสนใจประเทศหนึ่งเลยทีเดียวมีความหลากหลายในการใช้ชีวิตที่เอกลักษณ์ในการมาเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นก็คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อนี้คันโตและคันไซซึ่งในวันนี้นะคะดิฉันจะพาทุกท่านไปเห็นความแตกต่างว่าระหว่งคันโตและคันไซนั้นมีความแตกต่างกันในเรื่องใดบ้างสำหรับท่านใดนั้นที่ว่างแพลนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นนั้นควรศึกษาหาข้อมูลในการไปท่องเที่ยวได้อย่างสมบูรณ์แต่ไม่ต้องห่วงในวันนั้นดิฉันได้ทำการรวบรวมมาให้แล้วแต่ถ้าอยากรู้ว่าจะมีอะไรกันบ้างก็ต้องไปดูพร้อมกันแล้วแหละ ความสนุกรอให้คุณเดินทางไปหาอยู่นะ
ทำความรู้จักคันโตและคันไซ
คันโต
IMG BY : en.wikipedia
นับว่าเป็นภูมิภาคที่อยู่ทางภาคกลางของญี่ปุ่น เป็นภูมิภาคที่สำคัญแห่งหนึ่งและเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงกรุงโตเกียว ประกอบไปด้วย 8 จังหวัด ได้แก่ กรุงโตเกียว จิบะ กุนมะ ไซตามะ คานากาวะ โทจิงิ อิบารากิ และยามานาชิ เป็นจุดมุ่งหมายของใครหลายๆ คน ที่เป็นศูนย์กลางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม
คันไซ
IMG BY : th.wikipedia
นับว่าเป็นภูมิภาคที่อยู่ทางตะวันตกของญี่ปุ่น มีความสำคัญด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ โดยมีจังหวัดโอซาก้าเป็นเมืองใหญ่และศูนย์กลางในภูมิภาค ภูมิภาคนี้ประกอบด้วย 7 จังหวัด ได้แก่ โอซาก้า วากายามะ มิเอะ ชิงะ นารา เกียวโต และเฮียวโกะ
ความแตกต่างระหว่างคนคันโตและคนคันไซ
นับว่าเป็นสิ่งที่จะต้องมีความแตกต่างกันอยู่แล้วและหว่างคันโตและคันไซนั้นความแตกต่างของวัฒนธรรม ลักษณะนิสัยของผู้คน รวมถึงขนบธรรมเนียมและภาษาของทั้งสองพื้นที่นั้นสามารถเห็นได้ชัดเจนความใจกว้างของคนคันโต และความตรงไปตรงมาของคนคันไซนิสัยของทั้งคนคันโตและคนคันไซมีเอกลักษณ์ของตัวเองจึงมีความแตกต่างกันไป
การทักทายคนที่ไม่รู้จัก
IMG BY : thoughtco
โดยปกติคนคันไซจะมิตรไมตรียิ้มแย้มแจ่มใสร่าเริงสามารถทักทักทายคนที่ไม่รู้จักได้และให้ความช่วยเหลือแบบไม่เกรงกลัวคนคันไซนั้นชอบทักทายพบปะผู้คนด้วยรอยยิ้มเมื่อคุณเป็นนักท่องเที่ยวที่ไปท่องเที่ยวนั้นคนที่นี่จะทักว่าหาจากที่ไหนหรอ แบบเป็นกันเองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจะแตกต่างจากคนคันโตจะไม่ค่อยแสดงเป็นเท่าที่ควรเป็นที่เกรงใจซะส่วนใหญ่ไม่อยากรบกวนซึ่งจะทำให้เห็นถึงความแตกต่างที่ต่างกันไปชัดเจนในความเป็นเอกลักษณ์
ร้านแมคโดนัลด์
ถึงแม้ว่าจะเป็นชื่อร้านร้านแมคโดนัลด์ แต่ทั้งคนคันไซและคันโตนั้นก็จะมีความแตกต่างในการเรียกที่ต่างกันไปอย่างยิ่งคนที่อยู่ในคันไซนั้นจะเรียกว่ามาคุโดะ แต่คนที่อยู่ในคันโตนั้นจะเรียกว่ามักคุ
การใช้บันไดเลื่อน
IMG BY : fromjapan
สำหรับการใช้บันไดเลื่อนนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องใช้ร่วมกันในส่วนของคนคันไซนั้นจะชิดข้างขวาในส่วนของคนคันโตนั้นจะชิดข้างซ้ายเนื่องจากคนในประเทศญี่ปุ่นนั้นนิยมชิดข้างใดข้างหนึ่งเพื่อเปิดทางให้สำหรับผู้ที่เร่งรีบในแต่ละวันเป็นอย่างมาก
แบบสำรวจในร้านค้าต่างๆ
แน่นอนว่าการใช้บริการต่างๆจากร้านนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญและทำให้บรรยากาศนั้นดูมีสีสันในการท่องเที่ยวที่คึกคักโดนใจสุดๆแต่ในส่วนของร้านค้านั้นก็มีความแตกต่างอย่างลงตัวเนื่องจากคันไซคือจะมีการแจกแบบสอบอยู่ตลอดเพื่อให้ผู้ที่มานั้นได้ทำแบบสอบถามเพื่อนำไปพัฒนาในส่วนต่างๆได้เป็นอย่างดีแต่ในส่วนของคันโตนั้นไม่มีเลยจึงแยกกันแบบเห็นได้ชัดเจนเป็นถ่องแท้จริงๆ
การขึ้นรถบัส
IMG BY : japan-guide
ในการเดินทางในการขึ้นรถบัสนั้นคนคันไซจะขึ้นจากประตูหลัง ชำระเงินเมื่อถึงป้าย และลงทางประตูหน้าคันโตจะมีวิธีการขึ้นรถบัสจากประตูหน้า แล้วชำระเงินเมื่อขึ้นรถ และลงทางประตูหลังซึ่งนี่ก็ถือเป็นความแตกต่างที่ควรรู้
กระดาษทิชชู่ที่ใช้ในห้องน้ำ
IMG BY : nippon
ไหนๆก็มาทั้งทีแล้วก็ถือเป็นเรื่องที่ควรรู้อย่างยิ่งคนคันไซจะใช้กระดาษทิชชู่ที่ใช้ในห้องน้ำเป็นแบบซิงเกิ้ล คือกระดาษทิชชู่แบบแผ่นเดียวชั้นเดียวเป็นส่วนใหญ่และในส่วนของคนคันโตจะเป็นแบบดับเบิ้ล คือกระดาษทิชชู่เป็นแบบบางๆ สองชั้นประกบกันซึ่งทั้งสองจะใช้แตกต่างกันไป
ด้านการแต่งกาย
IMG BY : the-kansai-guide
มาทั้งทีจะพลาดได้ไงกับการแต่งการให้เข้ากับคนที่นี่คนในคันไซแต่งให้โดดเด่นสะท้อนความเป็นตัวเองออกมาอย่างสวยงามเป็นอย่างยิ่งความออริจินัลมากกว่ามักชื่นชอบเสื้อผ้าลายเสือและสัตว์ต่างๆ และในส่วนของคนคันโตแต่งตามเทรนด์แฟชั่นมักจะรับเอาความแฟชั่นตามเทรนด์ต่างๆ มาเป็นหลักซึ่งทั้งสองก็จะแต่งแตกต่างกันออกเลยทีเดียวแต่นั้นก็แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ที่ต่างกัน
สำหรับในวันนี้ดิฉันนั้นทำการรีวิวความแตกต่างระหว่างคันโตและคันไซว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรเป็นที่เรียบร้อยแล้วนอกจากคันโตและคันไซนั้น ต่างก็มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน มีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมายให้มาเที่ยวแบบจัดหนักจัดเต็มคาราเบลกันเป็นอย่างยิ่งสำหรับท่านใดที่เคยไปมาทั้งมาทั้งสองที่แล้วก็คงเห็นความแตกต่างกันเป็นที่เรียบร้อยและมีความเป็นเอกลักษณ์ที่ลงตัวได้ลองสัมผัสถึงวัฒนธรรมและความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆที่ไม่เหมือนกันแต่มีความสุขในการมาท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นแน่นอนดิฉันนั้นหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ